จุดจบสุดโศกนาฏกรรม ฟอลคอน ที่รับบทโดย หลุยส์ สก๊อต หนึ่งตัวละคร ใน บุพเพสันนิวาส ที่เพิ่งลาจอไป เป็นตัวละครที่มีชีวิตจริงในประวัติศาสตร์ จุดจบถูกสังหารสุดรันทด
เปิดจดหมายเหตุฝรั่ง!! โศกนาฏกรรม-บทสำเร็จโทษ ตัดหัว “พระปีย์” ห้อยไว้ที่คอ “ฟอลคอน”
ล่าสุด นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว นักเขียนสารคดีและนักเรียกร้องสิทธิมนุษยชนหญิง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเปิดจดหมายเหตุฝรั่งว่า...
"จดหมายเหตุฝรั่ง : ตัดหัวพระปีย์ห้อยคอฟอลคอน เรื่อง นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว #คุ้ยความลับฝรั่งที่วังนารายณ์ (ตอนที่ ๒)
"ออกพระเพทราชาก็ให้เบิกตัวมองซิเออร์คอนสตันซ์ออกมาหา และกล่าวบริภาษด้วยถ้อยคำอันหยาบช้าสามานย์ว่า มองซิเออร์คอนสตันซ์เป็นผู้คิดทรยศกบฏต่อพระมหากษัตริย์และรัฐบาลสยาม แล้วก็สั่งให้ทำทารุณกรรมด้วยประการต่างๆ ตามวิธีเคยทำกันมา และซ้ำยังแสนสาหัสกว่านั้นด้วย เพื่อเป็นการขู่บังคับให้คอนสตันซ์ยอมระบุชื่อผู้ที่สมรู้เป็นใจ ช่วยเหลือดำเนินอุบายอันทุจริต คิดจะให้พระมหากษัตริย์นิยมนับถือศาสนาคริสตัง และจะให้กรุงสยามตกอยู่ใต้อำนาจของฝรั่งเศส แต่เมื่อได้เพียรทรมานอยู่หลายชั่วนาฬิกาแล้ว จึงให้นำตัวพระราชบุตรบุญธรรม(พระปีย์-ผู้เขียน)ออกมาตัดพระเศียร แล้วก็เอาเชือกร้อยพระเศียรผูกห้อยคอมองซิเออร์คอนสตันซ์ไว้ ราวกับผูกผ้าพันคอแบบยุโรป
จดหมายเหตุเรื่องการจลาจลเมื่อปลายแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่กล่าวถึงการตัดหัวพระปีย์มาห้อยคอฟอลคอนไว้ข้างต้นนี้ รวบรวมมาจากบรรดาจดหมายต่างๆ ที่เขียนขึ้นในระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๒๓๑ ถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๒๓๒ ซึ่งส่งไปจากประเทศสยามและจากฝั่งคอร์มันเดล ( Cormandel ) สันนิษฐานว่า ฉบับเดิมคงเขียนเป็นภาษาฝรั่งเศส ไม่ปรากฏนามผู้เขียน ต่อมาได้มีผู้แปล เป็นภาษาอังกฤษ ไม่ปรากฏนามผู้แปลเช่นกัน Randal Taylor ได้จัดพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษเป็นครั้งแรกที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปี พ.ศ. ๒๒๓๓ ) ให้ชื่อว่า " A European Version of the revolution in Siam at the end of the reign of King Phra Narayana, 1688 A.D." ต่อมาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีรับสั่งให้บริษัทกอตเต้ ( Gotte & Co. ) ตีพิมพ์ใหม่อีกครั้งหนึ่งในกรุงเทพ ฯ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๘ จากนั้นหลวงจินดาสหกิจ ก็ได้แปลจากฉบับภาษาอังกฤษ ตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือวารสารศิลปากร ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ ปีที่ ๗ เล่ม ๙, ๑๐, ๑๑, และเล่ม ๑๒ แล้วมาตีพิมพ์ครั้งที่ ๒ ในงานพระราชทานเพลิงศพ ม.ร.ว. ทองเถา ทองแถม พ.ศ. ๒๕๑๐ หลังจากนั้นจะพิมพ์อีกบ้างหรือเปล่า ดิฉันไม่ได้ไปติดตามอีกแล้ว เพราะที่อ่านไปขนหัวลุกไป ก็สยดสยองมากสุดๆแล้ว
ที่มา : FB@นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว, ข่าวสด