นี่อาจจะเป็นภาพน่าปวดใจที่สุดที่เคยเห็นในศาล เมื่อเด็กน้อยวัย 6 ขวบกล่าวว่าอแมนด้า (Amanda Lewis) แม่ของเขาลงมือฆ่าพี่สาวเอเดรียน่า (Adrianna Hutto) ด้วยตัวเอง ในศาล AJ เด็กชายวัย 6 ขวบเปลี่ยนคำตอบของเขาตลอดเวลาเมื่อถูกถามโดยผู้พิพากษา
เด็กน้อย 6 ขวบเป็นพยาน แม่ทำให้พี่สาวจมน้ำ แต่เบื้องหลังจริงๆของคดีนี้ มีเงื่อนงำบางอย่าง!?
แล้วในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวระเบิดน้ำตาออกมา แม้แต่แม่ที่ถูกกล่าวหาก็อดไม่ได้ที่จะบอกว่า "ไม่ต้องถามแกแล้ว" แต่ทำไม AJ ต้องมาขึ้นศาลล่ะ? ทำไมต้องให้เขาขึ้นศาลมากล่าวหาแม่ตัวเอง? เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2007
วันที่ 8 เดือนสิงหาคม 2007 โรงพยาบาลในฟลอริด้าได้รับโทรศัพท์ฉุกเฉินแจ้งว่ามีเด็กหญิงวัย 7 ขวบจมน้ำในสระน้ำ ทางโรงพยาบาลจึงส่งรถพยาบาลไปในทันที แต่หลังจากผ่านการปฐมพยาบาลเป็นระยะเวลานานก็ยังไม่สามารถกู้เอาชีวิตเด็กน้อยคืนมาได้ โดยในเหตุการณ์ยังมีผู้หญิงอีกคนที่ตัวเปียกไปหมด ซึ่งผู้หญิงคนนี้ก็คืออแมนด้า แม่ของเด็กน้อย เธอขึ้นมากับรถพยาบาลเพื่อติดตามอาการของลูกสาว แต่โรงพยาบาลก็แจ้งว่าเอเดรียน่าได้จากโลกนี้ไปแล้ว
เจ้าหน้าที่พยาบาลรู้ว่าครอบครัวต้องเสียใจมากกับการสูญเสีย เพราะงั้นก่อนที่จะบอกความจริงกับอแมนด้าเรื่องลูกสาวเสียชีวิตทางเจ้าหน้าที่พยาบาลได้มีขั้นตอนการให้อแมนด้าเตรียมใจก่อน 5 นาที แต่นึกไม่ถึงว่า เมื่ออแมนด้ารู้ข่าวว่าลูกสาวเสียชีวิต เธอไม่มีปฏิกิริยาว่าเสียใจแม้แต่น้อย แต่กลับนิ่งสงบ และถามเจ้าหน้าที่พยาบาลว่า "ชั้นไหนมีตู้กดน้ำอีกคะ ของชั้นนี้มันพังแล้ว" เมื่อเจอปฏิกิริยาตอบโต้แสนเย็นชาแบบนี้ เจ้าหน้าที่พยาบาลจึงเริ่มสงสัย
เมื่อเห็นแม่เย็นชา อยู่ๆเจ้าหน้าที่พยาบาลก็นึกถึงรอยฟกช้ำบนใบหน้าของเอเดรียน่าขณะพยายามช่วยชีวิตหนูน้อย เมื่อเอามาประกอบกัน ทำให้เจ้าหน้าที่อดคิดไม่ได้ว่า : "หรืออแมนด้าจะมีส่วนในการตายของลูกสาว" เจ้าหน้าที่พยาบาลจึงแจ้งเรื่องนี้กับตำรวจ ตำรวจก็รีบดำเนินการตรวจสอบ โดยพยานสำคัญคือ AJ เด็กชายวัย 6 ขวบที่ยังอยู่ที่บ้าน
AJ ไม่ได้ตามแม่ไปโรงพยาบาลด้วย โดยหลังจากเกิดเหตุการณ์ก็ถูกส่งตัวไปอยู่กับปู่และย่า เมื่อตำรวจถาม AJ เขาก็ตอบว่า : "แม่ผมทำให้พี่จมน้ำตาย" คำตอบนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องถามกลับ "หนูรู้มั้ยว่าจมน้ำตายแปลว่าอะไร" ทำให้ AJ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง เขาบอกว่าวันนั้นตอนเช้าพี่สาวทำบ้านเลอะไปด้วยผงซักฟอก แม่โกรธมากจึงลงโทษพี่โดยการให้เธอไปแช่ในน้ำที่เธอกลัว เอเดรียน่าตกใจก็เลยร้องโวยวาย แม่ก็เลยเอาหัวเธอกดน้ำเพื่อเธอจะได้เลิกร้อง นอกจากเล่าแล้ว AJ ยังทำท่าทางประกอบด้วยว่าแม่กดหัวพี่สาวยังไง ความโหดเหี้ยมของแม่ยังทำให้ตำรวจสะท้าน
เพื่อความรอบคอบ ตำรวจมอบหมายให้นักจิตวิทยาเด็ก และผู้สอบปากคำที่ได้รับการฝึกฝนอย่างมืออาชีพเพื่อทำการซักถามอีกครั้งเป็นรอบที่สอง แต่คำตอบก็ยังเหมือนเดิม ด้วยหลักฐานที่ชัดเจนตำรวจได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอค้นบ้านผู้ต้องสงสัย
แต่พอตำรวจมาถึงบ้านอแมนด้าก็พบว่า บ้านหลังนี้ไม่ปกติ สภาพแวดล้อมสกปรก และมีกลิ่นของปัสสาวะรุนแรง ในห้องของเด็กๆไม่มีของเล่นเลย มีแค่เตียงที่สกปรกจนรับไม่ได้ 2 เตียงเท่านั้น ต่อมาสิ่งที่ทำให้ตำรวจสงสัยก็คือสระว่ายน้ำในบ้าน สระว่ายน้ำลึก 121 ซม. เด็กหญิงเอเดรียน่าวัย 7 ขวบสูงแค่ 110 ซม. ไม่มีทางขึ้นปีนลงไปในสระน้ำได้ด้วยแรงของตัวเอง
นอกจากนั้น คำให้การของ AJ ได้รับการยืนยันจากเพื่อนบ้านและครอบครัวของเขา พวกเขาบอกว่าเอเดรียน่าเป็นโรคสมาธิสั้น อยู่ไม่สุข อแมนด้าคลอดเอเดรียน่าตอนอายุ 20 ปี แรกๆเอเดรียน่าถูกเลี้ยงโดยตาและยาย เพิ่งจะย้ายมาอยู่กับแม่เมื่อไม่นานมานี้
แต่เอเดรียน่ามีความอ่อนไหวต่อสภาพแวดล้อม ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยได้ บ่อยครั้งที่เธอมักจะมีเสียงดังและซุกซน ไม่สามารถเงียบสงบลงได้ อแมนด้าค่อยๆหมดความอดทนกับลูกสาว ถึงกับเคยบ่นกับเพื่อนบ้านว่า "อยากให้ลูกสาวไม่ดื้อเหมือนลูกชาย ไม่อยากมีลูกสาวเลย"
แถมตำรวจยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการจับกุมอแมนด้าเมื่อ 9 ปีที่แล้ว จริงๆแล้วนอกจากเอเดรียน่า และ AJ แล้ว ยังมีเด็กชายอีกคนคืออเล็กซานเดอร์ อแมนด้าคลอดอเล็กซานเดอร์ตอนอายุ 16 ปี แต่ตอนแกอายุ 18 เดือนก็ตายโดยไม่รู้สาเหตุ ตอนนั้นอแมนด้าเล่าว่าตนกำลังนอนกลางวัน พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าลูกชายนอนอยู่บนพื้นไม่หายใจ เนื่องจากไม่มีหลักฐานว่าอแมนด้าฆ่าอเล็กซานเดอร์ คดีจึงปิดไปด้วยเหตุผลว่าเป็น "อุบัติเหตุ"
นึกไม่ถึงว่าผ่านไปไม่กี่ปี ครอบครัวนี้ก็จะมีเด็กเสียชีวิตอีกคน หลายคนบอกว่า 1 ครั้งอาจจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ครั้งที่ 2 ไม่น่าจะใช่แบบนั้น หลังจากเอเดรียน่าเสียไปได้ 1 เดือน ตำรวจก็เข้าจับกุมตัวอแมนดาด้วยข้อหาฆาตรกรรม คดีนี้มีทั้งหลักฐานแน่นหนา และพยาน น่าจะปิดคดีจับตัว "แม่ปีศาจ" ได้โดยเร็ว แต่นึกไม่ถึงว่า อแมนด้าจะบอกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นแค่ "อุบัติเหตุ" เธอเล่าว่าตอนนั้นเธอกำลังเก็บของอยู่ในห้อง เตรียมพาลูกๆไปเที่ยวทะเล แล้วอยู่ๆลูกชายก็วิ่งเข้ามาบอกว่าลูกสาวตกลงไปในสระน้ำ เธอก็เลยรีบไปช่วยลูกสาวออกมา แต่เอเดรียน่าก็ไม่หายใจแล้ว
ตำรวจทำการทดสอบว่าเธอพูดเท็จหรือไม่ แต่ไม่ว่ากี่ครั้งเธอก็สามารถผ่านไปได้อย่างสบายๆ ถ้าไม่ใช้ผู้หญิงคนนี้โกหกเก่งมาก ก็คือเธอพูดความจริง แต่ถ้าเธอพูดคือความจริง แล้วคำให้การของ AJ คืออะไร? แล้วตอนนั้นเอง คำให้การของ AJ ก็เริ่มมั่วซั่ว เดี๋ยวบอกว่าเห็นแม่กดน้ำพี่จากในบ้าน เดี๋ยวก็บอกว่าเห็นจากบนต้นไม้
ต่อมาตำรวจก็ยอมรับว่า คำให้การของ AJ ไม่ค่อยถูกต้อง เพราะจากความสูงของเขา จากในบ้านไม่สามารถเห็นแม่กดน้ำพี่ได้ และไม่สามารถปีนขึ้นไปบนต้นไม้ได้
ที่ทำให้ตำรวจปวดหัวหนักก็คือ ตอนถาม AJ ครั้งที่ 5 AJ ไม่บอกว่าแม่ทำให้พี่จมน้ำตายแล้ว แต่กลับบอกว่าพี่ไปจับแมลงในน้ำแล้วไม่ระวังก็เลยลื่นตกน้ำไป เขาเห็นแบบนั้นก็เลยรีบไปเรียกแม่มาช่วย ปฎิกิริยาตอบสนองกลับไปมาของ AJ ทำให้ตำรวจคิดว่า "เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้" แต่ Walter Smith ทนายของอแมนด้าก็แสดงออกว่าเขาไม่คิดว่า AJ โกหก เขาคิดว่า AJ โดนชี้นำก็เลยให้การว่าแม่เป็นคนผิด สิ่งที่ AJ พูดไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริง เขาเห็นพี่สาวจมน้ำ แต่ไม่ได้เห็นเหตุการณ์โดยตลอด แต่ใครจะเอาเรื่องแบบนี้มาใส่สมองเด็กกัน ในความเป็นจริงมีคนที่น่าสงสัยจริงๆ คนนั้นก็คือชาลส์ (Charles Burn) ตาเลี้ยงของ AJ ความสัมพันธ์ของชาลส์กับลูกเลี้ยงอย่างอแมนด้าไม่ดี เขาคิดว่าอแมนด้าไม่มีคุณสมบัติดีพอจะเป็นแม่คน แต่ชาลส์สนิทกับหลานนอกไส้ 2 คนมาก มักจะพาพวกเขาออกไปเที่ยวเป็นประจำ หลังเกิดเหตุการณ์ขึ้น 30 นาที AJ ก็ถูกพาตัวไปอยู่บ้านชาลส์
ทนายของอแมนด้าสงสัย ชาลส์อาจจะอยากได้สิทธิ์การเลี้ยงดูหลาน ถึงได้เอาความคิดว่าแม่ฆ่าพี่สาวไปใส่ในหัว AJ ให้ AJ เป็นพยาน
ชาร์ลส์ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ปฏิเสธจะเข้าเครื่องจับเท็จ เพราะเขาคิดว่าการถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ต้องสงสัยนั้นเป็นการดูถูกเขา ทำให้ทั้งสองฝ่ายโต้เถียงกันไปมา อัยการจากเดิมที่คิดว่าน่าจะชนะก็กลายเป็นค่อยๆสูญเสียความได้เปรียบ เริ่มปกป้องตัวเอง อัยการกล่าวว่า "ถ้าอแมนด้ารับสารภาพผิด ก็สามารถลดโทษ และความผิดอาญาจะไม่เกินสิบปี " แต่อแมนด้าไม่ยอมรับว่าตนฆ่าลูกสาว เรียกร้องว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ ทำให้เดือนกุมภาพันธ์ปี 2008 ศาลก็พิจารณาคดีอีกครั้ง AJ ยังคงเป็นพยานสำคัญในคดีนี้ ผู้พิพากษาถามเขา "หนูจะพูดความจริงมั้ย" AJ พยักหน้า ผู้พิพากษาถามต่อ "หนูรู้มั้ยว่าความจริงคืออะไร" AJ ตอบคำถามได้อย่างชัดเจน แต่ต่อมาเมื่อถูกทนายฝ่ายตรงข้ามถาม AJ กลับอึกๆอักๆพูดไม่ออก สุดท้ายผู้พิพากษาก็ถามเขา "แม่หนูอยู่ในนี้มั้ย" นึกไม่ถึงว่า AJ จะตอบว่า "ไม่อยู่" เพื่อให้แน่ใจ ผู้พิพากษาจึงถามย้ำอีกครั้ง "แม่หนูอยู่ในห้องนี้มั้ย" AJ กวาดตาไปมองอแมนด้า แล้วก็ตอบว่า "ไม่อยู่"
คำตอบทำให้ตำรวจตกใจ สุดท้ายผู้พิพากษาจึงชี้ไปที่อแมนด้าแล้วว่า "แม่อยู่ตรงนี้" ตอนนั้นเองที่ AJ ร้องไห้โฮออกมา น้ำตาของเด็กชายตัวน้อยๆทำให้ผู้พิพากษารู้สึกเศร้า การจะให้เด็กชายอายุ 6 ขวบเป็นพยานว่าแม่ของตัวเองเป็นฆาตรกร เป็นความกดดันเกินไป AJ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ไม่สามารถเป็นพยานได้ ผู้พิพากษาจึงทำได้แค่ระงับการพิจารณาคดีและให้หนูน้อยออกไปจากห้องพิจารณาคดี
หลังจาก AJ สงบลง เขาก็ให้การอีกว่า "แม่ฆ่าพี่สาว" แต่คำให้การก็วนไปมา แล้วก็กลับมาที่ว่าพี่สาวลงไปเก็บแมลงแล้วตกน้ำไป ไม่สามารถระบุได้ว่าคำให้การของ AJ ถูกต้องหรือไม่ แต่สามารถระบุได้ว่า AJ เป็น "บุคคลที่ไม่มีความสามารถในการเป็นพยาน" และไม่สามารถเป็นพยานในชั้นศาลได้ แต่นอกจาก AJ แล้ว เจ้าหน้าที่พยาบาลก็มีหลักฐาน เจ้าหน้านี้บอกว่าบนใบหน้าของเอเดรียน่ามีรอยฟกช้ำ และรอยนั้นก็เหมือนรอยมือของผู้ใหญ่ 100% เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นรอยจากการใช้แรงกด บวกกับปฏิกิริยาเย็นชาเมื่ออแมนด้ารู้ว่าลูกสาวเสียชีวิต ล้วนเป็นหลักฐานได้ว่าการตายของลูกสาวไม่ใช่อุบัติเหตุสำหรับอแมนด้า
สำหรับข้อกล่าวหานี้ ทนายของอแมนด้าชี้แจงว่า อแมนด้าอาจะไม่ดีเท่าพ่อแม่คนอื่นในการดูแลเด็ก การจัดการกับความรู้สึกอาจไม่เหมือนคนทั่วไป แต่ไม่ได้แปลว่าเธอจะฆ่าลูกสาวตัวเอง อีกอย่าง แม้ว่าตอนอยู่โรงพยาบาลอแมนด้าจะสงบเย็นชา แต่ตอนที่เธอโทรแจ้งโรงพยาบาลก็ตื่นตระหนก ทนายฝ่ายจำเลยได้เปิดเสียงที่อัดไว้ให้ฟัง ในโทรศัพท์อแมนด้าเสียงสั่น ร้อนรน แถมยังอาเจียนตอนไปแจ้งความ หรือถ้าเป็นการแสดงมันก็เป็นการแสดงที่ยากมาก ทนายจำเลยยังชี้ว่า รอยฟกช้ำบนใบหน้า อาจจะเกิดจากตอนที่หน่วยกู้ภัยปฐมพยาบาลแล้วออกแรงมากเกินไปก็ได้ ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานระบุได้ว่าอแมนด้าฆ่าลูกสาว
ที่มา liekr