จากกรณีเมื่อ 2 พ.ค. เอพีรายงานวิเคราะห์ผลการแถลงข่าวของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอเฟซบุ๊ก โซเชียลมีเดียรายยักษ์ใหญ่ของโลก ในงาน เอฟ 8 ที่นครซาน โจเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยไฮไลต์ของปีนี้ อยู่ที่การประกาศรุกตลาดนัดบอดออนไลน์ ซึ่งซักเคอร์เบิร์ก รีบย้ำทันทีว่า บริการใหม่ที่ว่านั้นได้รับการออกแบบมาโดยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการรักษาข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เป็นหลักเพราะทางเฟซบุ๊กไม่ต้องการให้เกิดปัญหาเดิมอีก
ซักเคอร์เบิร์ก กล่าวว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ระบุว่าตัวเองมีสถานะโสดนั้นมีอยู่กว่า 200 ล้านคน หัวใจหลักของเฟซบุ๊กคือการสร้างความสัมพันธ์ และเครือข่ายความเชื่อมโยงระหว่างผู้ใช้ จึงไม่มีสิ่งใดเหนือไปกว่าความสัมพันธ์แบบความรักอีก
ฟีเจอร์ดังกล่าวจะได้รับการเพิ่มเข้าไปในเฟซบุ๊ก และจะมุ่งไปที่ "ความสัมพันธ์ในระยะยาว" ต่อกัน ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การหาคู่ธรรมดาๆ และระบบดังกล่าวจะไม่นับรวมผู้ที่มีสถานะเป็นเพื่อนอยู่แล้วมาเป็นคู่รัก
การประกาศดังกล่าวสร้างความฮือฮาในที่จัดการประชุม ขณะที่มูลค่าหุ้นของ ทินเดอร์ แอพพลิเคชั่นหาคู่รักที่เฟซบุ๊กเป็นเจ้าของนั้นปรับตัวลดลงทันทีถึงร้อยละ 22 สะท้อนความไม่มั่นใจในชะตากรรมของทินเดอร์ หลังยักษ์ใหญ่อย่างเฟซบุ๊กประกาศจะลงสนามเอง
ขณะที่สังคมโลกออนไลน์ต่างมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงฟีเจอร์ดังกล่าวที่ออกมาว่า ทุกวันนี้เฟซบุ๊กก็แทบแย่อยู่แล้ว หากใส่ฟีเจอร์ "หาคู่" เข้าไปเพิ่มเหมือนแอพ Tinder ที่เป็นเว็บหาคู่ง่ายดายเพียงการปัดหน้าจอ เฟซบุ๊กจะการเป็นแหล่ง "นัดยิ้ม" ที่ใหญ่สุด และมีแต่เรื่องอนาจารเต็มเฟซอย่างแน่นอน
บางส่วนมองว่า ซักเคอร์เบิร์ก กำลังยุ่งวุ่นวายกับชีวิตผู้ใช้เฟซบุ๊กมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่โอเคที่มีฟีเจอร์เช่นนี้เข้ามา โดยบางคนแสดงความเห็นว่า การเทคโอเวอร์หรือซื้อแอพหาคู่อื่น น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า