ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับแจ้งเหตุจาก นายทวีและนางวิรัช นันทวงษ์ว่าหลานสาวชื่อ ด.ญ. กุลธิดา ใจกล้า อายุ 2 ขวบ 3 เดือน พ่อแม่ของเด็กทำงานที่ กทม.ได้หายออกไปจากบ้าน มีคนเห็นว่ามีชายอยู่ในอาการมึนเมาพาเด็กคนนี้ไปซื้อขนม แล้วนั่งรถมอเตอร์ไซต์หายไปทางท้ายหมู่บ้านเกรงว่าหลานจะถูกล่อลวงไปทำมิดีมิร้าย จึงขอให้ตำรวจช่วยติดตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปตรวจสอบบริเวณป่าละเมาะท้ายหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างพากันตกใจเมื่อพบว่าบริเวณข้างจอมปลวก มีร่างของด.ญ.กุลธิดานอนเปลือยกายเสียชีวิตอยู่สภาพศพถูกตีด้วยของแข็งจนกะโหลกยุบ สมองกระจายเกลื่อนส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง บริเวณอวัยวะเพศมีร่องรอยถูกข่มขืนจนฉีกขาด เลือดไหลนองปนกับน้ำอสุจิซึ่งสามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัด คาดว่าด.ญ.กุลธิดาน่าจะเสียชีวิตไม่เกิน 1 ชั่วโมง คนร้ายยังหนีไปได้ไม่ไกลจึงช่วยกันออกติดตาม พบชายต้องสงสัยอยู่ในอาการมึนเมาขากางเกงและชายเสื้อมีรอยเปื้อนเลือด จึงนำตัวมาสอบสวนที่โรงพักให้การปฏิเสธและให้การวกวน
สุดท้าย ยอมรับสารภาพว่า "เป็นผู้ลงมือข่มขืนและฆ่า ด.ญ.จริงๆ ยอมรับว่าเพิ่งแต่งงานได้ 2 วัน ตัวเองมีความต้องการทางเพศสูงมาก เป็นเหตุให้เมียทนรับไม่ไหว จึงหอบเสื้อผ้าหนีไป กลุ้มใจมากถึงดื่มเหล้าพอเมาได้ทีแล้วก็เกิดอารมณ์กลัดมันขึ้นมา เห็น ด.ญ. เดินมาพอดี จึงเข้าไปหลอกล่อพาไปซื้อขนม จากนั้นพาขึ้นรถจักรยานยนต์ไปยังป่าละเมาะท้ายหมู่บ้าน แล้วพยายามลงมือข่มขืน แต่เด็กร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ตนกลัวชาวบ้านจะได้ยินเสียงแล้วเข้ามาเห็น จึงจับขาเด็กเหวี่ยงฟาดไปที่จอมปลวกจนสลบ จึงลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ เสร็จแล้วเด็กได้ฟื้นขึ้นมาและส่งเสียงร้องไห้อีก ตนเห็นที่อวัยวะเพศเด็กมีเลือดไหลออกมามาก กลัวจะมีคนมาเห็นความผิดที่ตนก่อขึ้น จึงจับขาเด็กเหวี่ยงฟาดไปที่จอมปลวกอีกครั้งจนเด็กแน่นิ่งไป แล้วหยิบท่อนไม้ที่ตกอยู่ในบริเวณนั้น ตีซ้ำเข้าที่ศรีษะจนขาดใจตาย แล้วรีบหลบหนีจากที่เกิดเหตุ กลับเข้าบ้านเก็บเสื้อผ้าแล้วมาเตรียมขึ้นรถที่ตลาดเพื่อหลบหนีความผิด แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมได้เสียก่อน จึงหมดโอกาสที่จะไปก่อกรรมชั่วกับใครได้อีก"