ถือว่าเป็นเรื่องราวในโลกออนไลน์จากกระทู้พันทิป ของสมาชิกหมายเลข 2151048 ที่มาโพสต์เขียนเรื่องราวของตัวเองว่า
การเลี้ยงดูของพ่อแม่ มันทำร้ายฉัน และทำให้ฉันมีอาการทางจิต
หน้าแรกTeeNee ข่าวร้อนโลกโซเชียล เป็นข่าว การเลี้ยงดูของพ่อแม่ มันทำร้ายฉัน และทำให้ฉันมีอาการทางจิต
เราเป็นผู้หญิงธรรมดาๆคนนึง อายุ17 ปี เราอายุแค่นี้แต่เรามีความเครียดที่สูงมากกว่าเด็กทั่วๆไป พ่อแม่เลี้ยงดูเรามาไม่รู้ว่าผิดหรือถูก แต่มันทำให้เราเป็นโรคทางจิตคือโรคซึมเศร้า เราเป็นหนักถึงขั้นไม่มีสติ ไม่รู้เรื่องแบบคนบ้าเลย เราเข้าโรงพยาบาลบ้ามา 2ครั้งแล้ว ตอนแรกเราไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรทำไมเราถึงควบคุมอะไรมันไม่ได้เลย อะไรนิดอะไรหน่อยก็ร้องไห้ อยู่ๆน้ำตามันก็ไหลเองก็มี มีความรู้สึกเศร้าตลอด เรามีความรู้สึกแย่ตลอดเวลา และอยากตายตลอด ชีวิตไม่มีคุณค่า เราต้องกินยาตลอด ร้องไห้บ่อย ใครพูดอะไรนิดอะไรหน่อย เราก็ร้องไห้ พอเราเริ่มเป็นโรคนี้ คือเราเริ่มห่างจากเพื่อน ห่างจากทุกคน ระแวงไปหมดว่าคนนู้นคนนี้เกลียด และมีเสียงหูแว่ว ให้เราทำร้ายเพื่อน ทำร้ายคนอื่น เราเครียดไปหมดทุกเรื่อง คิดว่าคนอื่นเกลียดเราทุกคน เราเก็บกฎ ไม่คุยกับเพื่อนเลย มันรู้สึกอึดอัดมากเวลาอยู่ในสังคม .. เราจำเรื่องเลวร้ายในอดีตทั้งหมด และ มันไม่มีวันลืม ทุกวันนี้ก็ไม่ลืม
เริ่มเรื่องเลย
ตอนเด็ก ตอนอนุบาล2 พ่อเราให้เราอาบน้ำเองเพื่อที่จะไปโรงเรียน เราก็เล่นในห้องน้ำตามประสาเด็กทั่วไปที่ยังอาบน้ำเองไม่ค่อยเป็น เราอาบน้ำเองยังไม่ได้ พ่อก็เข้ามาตีเราอย่างแรงและหลายรอบ เป็นอย่างงี้แทบทุกวัน โดนตีทุกวัน บางทีโดนเอาเข็มขัดฟาดเราบ้าง ทั้งๆที่ตอนนั้นเรายังเด็กอยู่เรายังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ทุกวันนี้เราก็ยังจำมันฝังใจมาโดยตลอด
พอขึ้นประถม แม่เราก็กดดันเราเรื่องการเรียน คือเราต้องเรียนให้ได้ 4.00 ไม่งั้นเราจะถูกตี และเราก็ถูกขังอยู่ในบ้าน ให้อ่านหนังสือ ไม่ได้ไปเล่นกับเพื่อนๆแถวบ้านเลย พอเราแอบออกไปเล่น ก็โดนแม่ตีด้วยไม้บรรทัดฟุตเหล็ก
พอตอนเราอยู่ ป.4 แม่เราไม่สบายอยู่ ICU เราก็เป็นคนดูแลแม่ ไปหาแม่ทุกวัน เพราะช่วงนั้นปิดเทอม เราไปเอง เรานั่งรถเมล์ไปเอง และเรากลับด้วยตัวเอง ตอนนั้นอายุ10ขวบ เราเป็นคนดูแลแม่คนเดียว หมอบอกว่าแม่มีโอกาศรอดแค่10เปอร์เซ็นต์ แม่เราเป็นโรค แพ้ภูมิตัวเอง (SLE) แล้วมันขึ้นสมอง แม่เราผ่าตัดสมอง2รอบ เรากลัวว่าแม่จะตาย ตอนแม่อยู่ ICU เราถึงกับสาบานกับพระแม่กวนอิมว่าถ้าแม่เรารอด เราจะไม่กินเนื้อวัวตลอดชีวิต และทุกวันนี้เราก็ไม่กินเนื้อวัวมาโดยตลอด เราเครียดตั้งแต่เด็ก เราอยากให้แม่อยู่กับเรา ถึงหมอจะบอกว่า ถ้าผ่าตัดโอกาสรอด 10เปอร์เซ็นต์ เราก็ยอมทำทุกอย่าง สวดมนต์ภวนาทุกวัน หมอบอกว่า ถ้าผ่าตัดแล้วรอด แม่เราจะพิการ แล้วที่เราสาบานก็เป็นจริง แม่เรารอด แต่แม่เราพิการ พอแม่ออกจาก ICU เราก็นั่งรถเมล์ไปหาแม่ เอาข้าว ป้อนข้าวให้แม่กิน และดูแลแม่ ทั้งเปลี่ยนแพมเพิส เช็ดตัวให้แม่ เช็ดอุจจาระให้แม่ เช็ดฉี่ ให้เพราะแม่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตอนนั้นเราแค่10ขวบ หมอที่โรงพยาบาลยังบอกว่า สงสารเรา ที่เราต้องมาเองทั้งๆที่อายุแค่10ขวบ หมอบอกว่าอันตราย เขาก็สงสารกัน แต่เราบอกว่าไม่เป็นไรเราอยากดูแลแม่
และจากที่แม่ไม่สบายนอนอยู่โรงพยาบาล พ่อเราก็ไปมีภรรยาใหม่ แต่ไม่ได้แต่งงานกัน จากที่เราเคยมีพ่อแม่อยู่ด้วยกัน ถึงเขาจะตีเรา เราก็ยอมทุกอย่าง มีพ่อแม่ มีครอบครัวที่ครบและอุบอุ่นดีกว่า ไม่มีพ่อแม่ ที่อยู่ด้วยกัน เราก็เสียใจที่ครอบครัวเราเปลี่ยนไป แม่ก็พิการ พ่อก็มีภรรยาใหม่ ช่วงนั้นเราเครียดมาก การเรียนก็เกรดตก
พอพ่อมีภรรยาใหม่ การดูแลเราก็น้อยลง ชอบทิ้งเราไว้ที่บ้านกับแม่ที่พิการ2คน พ่ออารมณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เวลาเราถามว่าไปไหน พ่อก็ตะคอกใส่ บางทีพ่อกลับบ้านมาก็มาตบตีเรา เราก็ไม่สู้ เวลาเราถามอะไรดีๆ พูดดีๆ คำตอบที่กลับมาคือ อย่ายุ่ง และโดนตะคอกอยู่เสมอ ตอน ม.1-3 เราทนพ่อมาตลอด พ่อชอบตบ ตี เรา เตะด้วย มีอยู่ครั้งนึง เราแอบดูโทรศัพท์พ่อ และ แอบเอาเบอร์เมียน้อยพ่อมา แล้วเราก็โทรไปด่าเมียน้อยพ่อ พอพ่อกลับมา มาตบ เตะเราจนเลือดออกแล้วตะคอกใส่ว่าไม่ต้องยุ่ง และ แม่กับเรา พูดถึงเมียน้อยเขาไม่ได้เลย พอพูดก็จะโดนตะคอกใส่ หรือ ทำร้ายร่างกาย
เวลาพ่อเครียดก็มาลงที่เรา เรารับเต็มๆ ตอน ม.2-3 เราโดนพ่อบ่นทุกวัน บ่นนู่นนี่นั่น เวลาพ่อเครียดก็มาลงที่เรา เราโดนบ่นทุกวัน มันเข้าหูซ้ำๆ พ่อบ่นทุกเช้าเย็น และทุกวัน ทั้งๆที่เราก็คิดว่าเราก็ทำดีที่สุดแล้ว อย่างเรื่องเรียน พอเราคะแนนไม่ดีก็ด่าก็บ่นเรา ทั้งๆที่เราก็คิดว่าเราทำเต็มที่แล้ว แล้วคะแนนของเรามันก็ไม่ได้น้อย เกรดเรา ตอนม.ต้นก็ 3.49 มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่เขาก็ยังบ่น แล้วก็เรื่องเพื่อน พ่อไม่ให้เราไปกับเพื่อน ไม่รู้ทำไม เราก็อยากมีเพื่อนมีสังคมบ้าง พอพ่อไม่ให้เราไปกับเพื่อน เราก็เชื่อฟัง เราก็ไม่ไป พ่อบ่นทุกวันซ้ำๆ พอเราเล่นเกม ก็เล่นไม่ได้ ตีเรา ทุ่มคอมเรา ตบตีเราเรื่องเล่นเกม ทั้งๆที่เราก็ไม่รู้จะทำอะไร เล่นเกมเราก็เล่นคลายเครียดนิดๆหน่อยๆ ไม่ได้ติดอะไร พ่อชอบระแวงเราตลอด พอพ่อกลับบ้านมาพอเห็นเราเล่นเกม เราก็โดนทำร้ายร่างกาย ถึงกับเลือดออก และพ่อก็ชอบตบแม่อีก
จนเราชึ้น ม.4 เราย้าย โรงเรียน เราสอบได้ โรงเรียน โรงเรียนหนึ่งซึ่งมันดีมาก เราทำอะไรดีๆ พ่อไม่เคยชมเราเลย เราชอบร้องเพลงชอบไปประกวด เราได้รางวัลที่ 1 2 3 หรือ ชมเชย พ่อพาเราไปก็จริงแต่เขาก็บ่น พอเราไม่ได้รางวัล เราก็จะโดนบ่น ว่าร้องไม่ดี หรือบางทีเราขอพ่อไปเรียนร้องเพลง ตอนอยู่ในรถ เขาก็บ่นว่า เนี่ย เสียเวลามาส่งอีก แล้วกว่าจะเรียนเสร็จ เขาก็หงุดหงิดใส่เราตลอด จนเราทนพ่อไม่ไหวแล้ว มันมีจุด จุดนึง ที่เราไม่ยอมพ่อ และเราเริ่มคิดว่า เราต้องสู้ เราต้องไม่ให้ใครมาทำร้ายเราอีก พ่อเตะเราบนที่นอน เราลุกขึ้นสู้พ่อ เราทนไม่ไหวถึงเราจะสู้แรงพ่อไม่ได้เราก็จะสู้ เพราะเราโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมาทั้งชีวิต เราปาจานข้าวใส่พ่อ และ ตะหวาดใส่พ่อ ครั้งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราสู้กับคนที่มาทำร้ายเรา เรารู้ว่ามันบาป แต่เราไม่อยากให้พ่อมาทำอย่างงี้ใส่เราอีก จากครั้งนั้นมันทำให้เราเป็นคนนิสัยก้าวร้าว รุนแรง และเวลาโมโห เป็นคนที่อารมณ์แรงมากๆ
เรื่องแม่ แม่เดินไม่ได้ เราก็เข้าใจว่าเขาเครียดที่เขาเดินไม่ได้ เขาก็มาลงที่เรา โยนของใส่บ้าง เอาไม้เท้าฟาดเราบ้างเพราอยู่ดีๆเขาก็หงุดหงิด พอเราขึ้น ม.1 บ้านเราก็จ้างคนดูแล และใครที่มาดูแลแม่แต่ละคน คืออยู่กับแม่เราไม่ได้ซักคน หลายคนแล้ว ที่คนดูแลแม่อยู่ไม่ได้ ระหว่างที่กำลังหาคนดูแลใหม่ เราก็ต้องเป็นคนดูแลแม่เอง แม่เราชอบหงุดหงิด ปาของใส่ เราก็ยอม เพราะแม่ไม่สบายเขาก็คงเครียด เราก็โดนแม่ด่า แม่ตะคอกใส่ทุกวัน เราก็ทนได้ และมีจุดนึงที่อยู่ๆเราทนไม่ได้ เราบีบแขนแม่แล้วตะคอกใส่ ตอนช่วงนั้นเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้เราก้าวร้าวและรุนแรง เรารู้สึกว่าเราเก็บกฎมามาก จนมันควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้แล้ว
จนเปิดเทอมโรงเรียนใหม่ ตอนแรกเราเข้ากับเพื่อนได้ดีมากๆ เล่นกันสนุก เราเป็นคนเฮฮา เฟรนลี่เข้าหาง่าย คุยได้กับทุกคน แต่มีเพื่อนสนิทคนนึงหักหลังเรา เราเสียใจมาก ทั้งๆที่สนิทกัน เราเอาเรื่องของเราไปบอก แต่เพื่อนคนนี้ก็เอาเรื่องของเราไปด่าไปนินทากับคนอื่นๆ เพื่อนคนนี้อยู่ต่างห้องกัน
และเพื่อนในห้องเราที่ ร.ร. ใหม่ตอนแรกคุยได้กับทุกคน หลังๆคือ มีกลุ่มนึงในห้อง ชอบแขวะใส่เรา ด่านู่นนี่ เราทำอะไรก็ดูผิดไปหมด เราโดนแขวะทุกวัน เพื่อนในกลุ่มเราก็โดนแขวะ แต่คือเราโดนหนักสุด โดนเดินชนก็มี และเราตัวเล็กนิดเดียวเราก็สู้เขาไม่ได้ เราก็ทำได้แต่เฉย เฉยอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเพื่อนในกลุ่มเราไม่อยากมีเรื่อง จนเราทนไม่ไหว วันนั้น มันแขวะมา เราด่ากลับไปเลย เวลาเราโมโห ไม่มีใครกล้ากับเราเลยจริงๆ มันเลยเงียบไปเลย
และจากนั้นมา เราควบคุมอะไรไม่ได้เลย ความรู้สึก เราเริ่มห่างจากเพื่อน เรารู้สึกหดหู่ รู้สึกไม่มีใครชอบ ไม่มีใครรักและเราก็เป็นคนอารมณ์รุนแรงมาตลอด โมโหคือไม่มีใครกล้ายุ่ง เวลาโกรธใครเราจะไม่พูดด้วย และตาเราแข็งมาก เพื่อนเราบอกว่า เหมือนไม่ใช่เราเลย มันดูน่ากลัวมากๆ จนเราทนตัวเองไม่ไหวเราไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร ทำไมถึงอยู่ดีๆน้ำตาไหลเอง ใครพูดไรนิดหน่อยร้องไห้ เวลาโมโหก็หยุดมันไม่ได้ อยากตาย เรียนก็ยาก เครียดเรื่องครอบครัว เรื่องเพื่อน เครียดไปหมดทุกเรื่อง ปล่อยวางอะไรไม่ได้เลย เรามีหูแว่ว เราทำอะไรช้าลง เดินร้องไห้ก็บ่อย จนเราทนตัวเองไม่ไหวไม่ เราเลยตัดสินใจไปหาจิตแพทย์ ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง พอหาครั้งแรก เราก็ร้องไห้เลย เราก็บอกว่าเราไม่รู้เป็นอะไรทำไม เราถึงควบคุมอะไรมันไม่ได้เลยเกี่ยวกับตัวเอง พอหมอวินิจฉัยออกมาคือเราเป็นโรคซึมเศร้า เราต้องกินยาและ กินยาแก้หูแว่ว
เรารักษาโรงพยาบาลนั้นมา1ปี และเคยเข้าโรงพยาบาลครั้งนึง เพราะเราเสียใจเรื่องความรัก เราผิดหวัง เราไม่รู้จะไประบายกับใครเลยระบายกับตัวเอง โดยการกรีดแขนตัวเอง แล้วเราก็ร้องไห้ตลอด ชีวิตเราเหมือนไม่เหลืออะไรแล้ว หมดสิ้นทุกอย่าง อยากตาย และอารมณ์เราก็รุนแรงขึ้นอีก เราถึงขั้นทำร้ายเพื่อน ทำร้ายคนอื่น ตบเพื่อน หลอกให้เพื่อนกินยา ที่เราทำไปเพราะเสียงหูแว่วมันสั่งเรา เราได้ยินว่า “ทำมันเลย มันเป็นคนเลว มันไม่ชอบเรา มันคิดจะทำร้ายเรา ตบมันเลย” แล้วเราก็ทำร้ายเพื่อน จนต้องนอนโรงพยาบาล ตอนนั้นพ่อเราก็ไม่เชื่อว่าเราเป็นโรคทางจิต หมอก็ช่วยคุย ว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า อาการที่แสดงออกมาทั้งร่างกายและจิตใจ คือเป็นที่ตัวโรค ไม่ใช่ตัวของเรา พ่อก็เริ่มเข้าใจ สนใจเรามากขึ้น แต่เขาก็ไม่ได้เข้าใจตัวโรคที่เราเป็นจริงๆ พ่อเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงเราใหม่ แต่มันก็สายไปแล้ว เราเป็นแบบนี้ไปแล้ว
พ่อบอกให้เราเข้าสังคม ไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนบ้าง ไปเที่ยวกับเพื่อน แต่พอเราเป็นโรคนี้เราก็ไม่อยากเข้าสังคม ไม่อยากไปไหน อยากอยู่ในห้องคนเดียวไปแล้ว แต่กลับกัน แต่ก่อนพ่อไม่ให้เราไปทั้งๆที่เราก็อยากมีสังคมกับเพื่อน แต่ตอนนี้มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนอกจาก ทำให้เราหายจากโรคนี้ แล้วตอนอยู่โรงพยาบาลครั้งแรก หมอเรียกย่า พ่อ แม่ มาคุย วางแผนว่าจะดูแลรักษาเรายังไง พอออกจากโรงพยาบาล เราก็ต้องไปอยู่บ้านย่า เพราะถ้าอยู่กับแม่เราจะไม่มีคนดูแล เราต้องมีคนดูแลตลอด เพราะถ้าเราเกิดมีอาการขึ้นมาอีก มันอันตรายกับตัวเราและคนอื่น แม่เราก็ให้ยายมาอยู่กับแม่เรา ย่าเราก็ไม่อยากให้เราคิดอะไรแล้ว เพราะเราเหนื่อยมามาก เครียดมามาก และสิ่งที่พ่อแม่เคยทำกับเรา เคยกดดันเราทั้งหมดมันทำให้เราตอนนี้ กดดันตัวเอง ทั้งเรื่องการเรียน เรียนคะแนนไม่ดีเราก็เครียด ร้องไห้ อยากตาย เรารู้สึกตัวเองหมดคุณค่าไม่มีอะไรดีสักอย่าง หมดแรงจะเดินต่อไป กินยาโรงพยาบาลนี้ไม่หาย และพอสอบเสร็จ ม.5เทอม2 เราเข้าโรงพยาบาลอีกรอบ แต่คือเตียงที่โรงพยาบาลนั้นเต็ม เขาเลยส่งตัวเราไปที่โรงพยาบาล ศรีทันยา อาทิตย์แรกของการที่เราเข้าแอดมิดที่โรงบาลศรีทันยา หมอปล่อยให้เราไม่กินยาลองดูว่าจะมีอาการเป็นยังไง พอเราไม่กินยา เราก็ไม่มีสติ เหมือนคนบ้า เราไม่รู้เรื่องไป1อาทิตย์ ต้องมีพยาบาลคอยดูแลพยาบาลคอยอาบน้ำให้ พยาบาลเล่าให้ฟังทั้งหมดที่1อาทิตย์เราไม่มีสติ เขาบอกว่าเราจะไล่ฆ่าคนอื่นอย่างเดียว เดินไปเดินมา พูดคนเดียว ทำลายข้าวของ ของทางโรงพยาบาล พยาบาลเลยต้องจับเรามัดไว้กับเตียงจนเราปวดแขน มัดไว้1อาทิตย์เต็ม พยาบาลต้องคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ พยาบาลเล่าให้ฟังว่า พอย่ากับพ่อ อา น้อง ลุง มาเยี่ยมเรา น้ำตาตกเลย ไม่เคยเห็นเราในสภาพคนบ้า ไม่มีสติ พ่อเราเสียใจมาก คิดว่าเราจะไม่กลับคืนมาแล้ว คิดว่าเราจะเป็นคนบ้าแบบนี้ตลอดไป อีกอาทิตย์ต่อมา เรารู้สึกตัว เขาก็ให้เข้าเยี่ยมได้ เราจำอะไรไม่ได้เลย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเราบ้าง ที่พยาบาลเล่าให้ฟังเราก็แทบไม่อยากเชื่อ แต่เป็นไปแล้วก็ต้องรักษา จากนั้นมาพ่อก็คอยดูแลเราดีขึ้น พูดกับเราดีขึ้น ยาที่โรงบาลศรีทันยาดีมาก พอเราออกจาก รพ. มา เราก็ค่อยๆปรับตัวเข้าหาเพื่อน จากที่ไม่มีใครคบ ไม่คุยกับใคร เราก็มีเพื่อน และเราก็มีความสุขกับชีวิตของเรา แต่เรื่องพ่อก็ยังไม่จบ เขาก็บ่นก็ว่าเราตามประสา
แต่เราก็พยายามเข้าใจว่าพ่อเป็นห่วง และ เริ่มดูเหมือนพ่อระแวงเรา
และวันนี้.. ตอนเช้าเราหมดสติล้มหัวฟาดพื้นไป เราปวดหัวมาก อาเราเป็นคนช่วยเราไว้ เราล้มหัวฟาดพื้นในห้องน้ำ อาเลยไปบอกย่าเรา ย่าเราก็ไปบอกพ่อ พ่อเราก็มาหาเราที่บ้านย่า แต่แทนที่จะพาเราไปโรงพยาบาล กลับซ้ำเติมเรา หาว่าเราไม่นอนบ้าง ไม่กินข้าวบ้าง ทั้งๆที่เราก็กินข้าว และที่เราอ่อนเพลียเพราะเราตื่นตี1เพื่อไปงานบวชพี่ที่ต่างจังหวัด แล้วเราก็ไม่สบาย โดนฝน ร่างกายเราเลยไม่ไหว พ่อกลับมาซ้ำเติมเรา และบอกไม่พาไปโรงพยาบาล ก็ว่าเราต่างๆนาๆ เราเครียดมาก ความเครียดมันกลับมาอีกแล้ว แล้วสุดท้ายพ่อเราเลยถามว่า ไปรพ มั้ย เราเลยตอบไปว่า ไม่ไปแล้ว
และที่เราไม่ไปก็เพราะว่า เรายอมตายดีกว่ามีพ่อแบบนี้ คนที่จะทำให้เรากลับมามีอาการอีกก็คือพ่อ พ่อคนเดียว เพราะเราก็ไม่ได้คิดหรือเครียดอะไรแล้ว มีแต่พ่อ ที่ชอบระแวงเรา ซ้ำเติมเราเวลาเราล้ม ไม่เคยให้กำลังใจเราเลย และตอนนี้เราก็เครียดเรื่องพ่ออีกแล้ว เราร้องไห้ พอพ่อโทรมาเราก็บอกไปว่า เรายอมตายดีกว่า ที่มีพ่อแบบนี้ ตอนนี้เราเครียดมากเลยมานั่งเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา เราก็ไม่รู้จะทำยังไง ให้เราไม่เครียดเรื่องพ่ออีก ทุกอย่างมันโอเคแล้ว แต่เรื่องพ่อมันกลับมาเครียดอีกแล้ว..
ขอบคุณกระทู้พันทิป ของสมาชิกหมายเลข 2151048
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!