นักสิทธิเด็กแนะ “แม่น้องการ์ตูน” พบ “พม.” หลังโพสต์ชีวิตเป็นเพียงเส้นด้าย

หลังจากกรณีรถเก๋งขับพุงชนร้านสเต็กลุงใหญ่ ปากซอยเอกชัย 119 ย่านบางบอนเมื่อเดือนกันยายน 2557 ทำให้น้องการ์ตูน เด็กหญิงวัย 5 ขวบ ได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมทั้งคุณพ่อของน้องการ์ตูนก็เสียชีวิตลงด้วย หลังจากรักษาอยู่นานกว่า 2 ปี น้องการ์ตูนมีภาวะสมองตาย 75% ทั้งยังหมดโอกาสมองเห็นได้อีกครั้ง

ล่าสุด ศรัญญา ชำนิ คุณแม่ของน้องการ์ตูน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ร้านสเต็กคุณแม่การ์ตูน Mother’s Grill Steak House “ย่างด้วยรัก หมักด้วยใจ” ถึงจุดจบของคดีความดังกล่าวว่า

“จดหมายถึงคนไทย – ชีวิตเป็นเพียงเส้นด้าย

ขอฝากอุทาหรณ์ ให้คนไทยได้ตระหนักถึง หากเหตุการณ์นี้ไม่เกิดขึ้น เราจะไม่รู้จักคำว่าชีวิตเป็นเพียงแค่เส้นด้ายเลย

ทุกคนทราบกันดีว่าครอบครัวดิฉันต้องพังลงเพียงเพราะความคึกคะนองของคนขับขี่รถแข่งบนถนนสาธารณะ ที่ได้ยื่นความตายและความเสียหายใหญ่หลวงให้กับครอบครัวดิฉัน 1 คนตาย 1 คนพิการตลอดชีวิต 3 ชีวิตที่ต้องแบกรับภาระทุกๆอย่างวางบนบ่า มันหนักมากนะคะ หนักจนเข่าคุณจะทรุดลงแทบติดพื้น แต่ขาคุณจำเป็นต้องก้าวออกไปข้างหน้า แม้คุณจะมีแรงเหลืออยู่น้อยนิดก็ตาม เทียบกับนักกีฬายังมีหยุดพัก แต่ชีวิตดิฉัน ไม่มีกรรมการคอยเป่านกหวีดหยุดเวลาให้ ทั้งๆที่ฉันไม่ได้อยากลงสนามแข่งขันเลยก็ตาม

วันนี้ได้รับทราบขั้นตอนการชดใช้ค่าเสียหายของคู่กรณีแล้ว เข่าดิฉันได้ทรุดติดพื้นดินไปแล้วค่ะ ใครที่คิดว่าคนผิดต้องชดใช้ กฎหมายบังคับได้ ในความจริงมันไม่ได้จบสวยแบบนั้นเลยค่ะ ศาลตัดสินให้คู่กรณีจ่ายค่าเสียหาย แต่ศาลไม่มีอำนาจในการบังคับให้จำเลยจ่ายได้ ในส่วนของกรมบังคับคดีจะสืบทรัพย์และถ้าคู่กรณีมีถึงจะยึดทรัพย์มาขายทอดตลาดเพื่อชดใช้ให้ แต่กรณีที่คู่กรณีไม่มีอะไรเลย เขาก็แค่เป็นบุคคลล้มละลายเท่านั้น

สรุปแล้ว ดิฉันมีเพียงกระดาษจากศาล 1 ใบว่าตัดสินให้แล้ว มีของแถมเป็นภาระทุกอย่างที่ฉันไม่ได้ก่อแต่ต้องเป็นคนแบกรับไว้แต่เพียงผู้เดียว แลกกับอีกคนที่กลายเป็นเพียง บุคคลล้มละลาย

เราจะต้องอยู่กันอย่างมีความเสี่ยงแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ต้องมีอีกกี่เคสที่มาเจอสภาพเช่นนี้ สภาพที่ไม่มีทางเลือกอะไรนอกจากก้มหน้ายอมรับในสิ่งที่เราไม่ได้ยินดีจะรับมัน และเราก็ไม่มีโอกาสพูดปฎิเสธออกไปได้เลย”

ด้าน สรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ ประธานกรรมการมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก ให้คำแนะนำในกรณีนี้ไว้ว่า สำหรับกรณีนี้ขั้นตอนของการชดใช้ค่าเสียหายก็ต้องว่ากันไปตามระเบียบ คือให้กรมบังคับคดีเข้าไปสืบทรัพย์ดู อาจได้เงินมาช่วยเหลือบ้างเล็กน้อยหรือไม่ได้ก็แล้วแต่ ซึ่งทั่วไปแล้วไม่ค่อยมีกรณีเด็กถูกทำร้ายแล้วไม่ได้รับค่าชดเชยมากนัก

“สำหรับน้องการ์ตูนนั้นเรียกว่าได้รับความเสียหาย และเกิดอันตรายต่อร่างกายและจิตใจ ทำให้สามารถเข้าสู่กลไกการคุ้มครองสิทธิเด็กได้ ที่ผ่านมาอาจยังไม่รู้ว่าจะเข้าไปสู่ระบบอย่างไร จึงควรเข้าไปติดต่อกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่จะเข้ามาดูแลด้านนี้ เพื่อให้กองทุนของกระทรวงต่างๆ อย่างกระทรวงยุติธรรม และพม. ทั้งกองทุนชดเชยผู้เสียหาย เพราะแม้จะเป็นการกระทำผิดส่วนตัว แต่มีผลมาถึงภาครัฐ ต้องคุ้มครองเด็ก และหากมีความพิการก็สามารถเข้าสู่กระบวนการดูแลผู้พิการ รับสิทธิการดูแลผู้พิการได้ด้วย ซึ่งตอนนี้ผู้เสียหายอาจจะยังไม่รู้ว่าต้องติดต่ออย่างไรจึงต้องเป็นหน้าที่ของกรมกิจการเด็กและเยาวชนเข้ามาประสานงานเพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป” สรรพสิทธิ์กล่าว