ชีวิตพัง!! โรสแมรี่ อดีตศิลปินชื่อดังแห่งยุคอัลเทอร์เนทีฟ ขายเครปหาเงินรักษาพ่อ

หน้าแรกTeeNee ข่าวร้อนโลกโซเชียล เป็นข่าว ชีวิตพัง!! โรสแมรี่ อดีตศิลปินชื่อดังแห่งยุคอัลเทอร์เนทีฟ ขายเครปหาเงินรักษาพ่อ

หากจะพูดถึงศิลปินหญิงที่โด่งดังมากๆในยุคอัลเทอร์เนทีฟ ซึ่งเป็นยุคที่เพลงไทยรุ่งเรื่องที่สุด ชื่อของศิลปินหญิงที่หลายคนต้องนึกถึงเป็นลำดับต้นๆ ก็คงต้องมีชื่อของ ‘โรสแมรี่ คาฮันดิง’ อยู่ในนั้นแน่นอน เพราะเพลง ‘ให้ทำอย่างไร’ ได้กระแสตอบรับอย่างถล่มถลาย จนทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักในนานของนักร้องหน้าใหม่ และกลายเป็นศิลปินในสังกัด GMM GRAMMY พร้อมอัลบั้มและเพลงเพราะตามมาอีกมากมาย

แต่จังหวะชีวิตผลิกผัน ทำให้เธอต้องโบกมือลาวงการบันเทิงเพราะเธอตั้งท้อง และถูกแฟนหนุ่มนักดนตรีทิ้งไปด้วยเหตุผลที่ว่า “ไม่พร้อมมีลูก” แถมชีวิตตอนนี้ยังต้องเดินสายร้องเพลงตามร้านอาหาร และขายเครปเพื่อเลี้ยงดู "น้องดาวเหนือ" ลูกชายวัย 4 ขวบเพียงลำพัง พร้อมหาเงินรักษาคุณพ่อที่เพิ่งล้มป่วยด้วยโรคหัวใจตีบ ซึ่งค่ารักษาพยาบาลครั้งและแสนกว่าบาท วันนี้ชีวิตของเธอต้องต่อสู้และดิ้นร้นขนาดไหน 94EFM จะพาไปพูดคุยกับเธอ..

“จริงๆโรสไม่ได้ทำงานในวงการมานานมากแล้วนะ ประมาณ 10-15 ปีได้แล้วละ พอออกจากวงการก็ยังร้องเพลงอยู่นะ แต่เปลี่ยนไปร้องเพลงกลางคืนแทน จากนั้นก็มาทำงานโรงแรมเพราะว่ามีน้อง เราเองก็เลี้ยงคนเดี๋ยวเลยต้องออกจากทุกอย่างแล้วไปเรียนทำขนม เพื่อมาทำขนมที่บ้าน"

ก่อนหน้านั้นหลังจากที่ตั้งท้อง พ่อน้องก็ไม่อยู่ เราเลยย้ายไปอยู่ที่อรัญประเทศ พอดีมีเพื่อนมีโรงแรมที่นั่นเราก็ไปอยู่ห้องพักพนักงาน เพราะจะได้ไม่ต้องเสียค่าเช่า และเขาก็ดูแลทุกเรื่อง ทั้งเรื่องกิน เรื่องอยู่ เงินใช้จ่ายต่างๆ ส่วนพ่อน้องก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย แต่เพิ่งจะเจอตอนที่น้องสามขวบ แล้วก็ขอตรวจ DNA เราก็ตรวจ เพราะยังไงก็เป็นลูกเขาอยู่แล้ว ตอนนี้เขาเองก็ยังอยู่ที่กรุงเทพ ทำงานในแวดวงดนตรีนี่แหละ สามเหตุที่ต้องแยกกันเป็นเพราะเขาไม่พร้อม แต่เราก็พร้อมแล้วแหละ เลยตัดสินใจเก็บน้องไว้ โดยที่มีเพื่อนๆมาช่วยกันอยู่แลทุกเรื่อง กระทั้งคลอดเพื่อนๆก็คอยช่วยดูแล เสื้อของใช้ที่จำเป็นมาให้ ส่วนเรื่องการรับรองบุตร เพราะเราเองก็กลัวว่ามันจะยุ่งยาก เอาแค่รู้ว่าเขาเป็นพ่อก็พอ เขาเองก็ช่วยเรื่องค่าเลี้ยงดูบ้าง แต่ถามว่ามันเยอะมากจนเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายไหม มันไม่พอหรอกค่ะ

ยิ่งตอนนี้เหมือนปัญหามันหนักมากขึ้น ก่อนหน้านี้คิดว่าช่วงที่ลูกโตขึ้นหน่อย ทุกอย่างก็อาจจะเข้าที่เข้าทางหน่อย แต่ความจริงไม่ใช่เลย เพราะยิ่งโตค่าใช้จ่ายต่างๆยิ่งเยอะ บวกกับตอนนี้พ่อป่วยอีก คือเมื่อก่อนเขาก็ยังแข็งแรงอยู่เลย แต่พอทรุดทีนึงคือไปเร็วมาก ซึ่งหมอบอกว่าเป็นหัวใจตีบ และมีปัญหาที่ปอด เพราะเขาสูบบุหรีมานาน ตอนนี้การรักษาก็คือต้องทานยาตลอดชีวิต ค่ารักษาพยาบาลตอนนี้ก็แสนกว่าบาท เพราะพ่อเป็นคนฟิลิปปินส์ มันก็เคยขึ้นว่าเป็นคนที่มีปัญหาทางการใช้สิทธิ์ เพราะเป็นคนที่ยังไม่รองรับก็เลยทำให้การรักษาต้องจ่ายเต็ม ไม่ได้ส่วนลดอะไรให้ เลยจำเป็นต้องใช้เงินที่มีแล้วเงินที่เพื่อนๆช่วยกันมาบ้าง นำส่วนตรงนี้จ่ายไป และก็เลยขอผ่อนเขาเป็นเดือนละ 1,500 บาท แต่พอเขากลับมามันไม่ได้จบแค่นั้น เพราะยังต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆที่ตามมาอีกเยอะพอสมควร ยอมรับว่าค่ารักษาพ่อ ค่าเลี้ยงลูก ค่าใช้จ่ายในบ้านแต่ละเดือนมันไม่พออยู่แล้ว เพราะเราร้องเพลงสัปดาห์ละครั้งเอง

เรื่องการขายเครปก็เมื่อก่อนขายได้วันละพันกว่าบาทนะ แต่เดี๋ยวนี้วันละไม่กี่ร้อยเอง เพราะเราต้องแยกค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่านม ค่ากินแต่ละวันด้วย ตอนนี้ก็เลยเริ่มๆคุยกับเพื่อนว่าอยากกลับไปทำงานร้องเพลง แต่อย่างที่บอกว่าตอนนี้ทุกอย่างมันต้องช้าไปหมด

ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนตอนเป็นศิลปินกับตอนนี้ มันก็เปลี่ยนไปนะ แต่เราไม่ค่อยยึดติด เรามองว่ามันเป็นไปตามจังหวะของมัน แต่แค่รู้สึกว่าเราเอาไม่อยู่ มันเข้ามาพร้อมกันทีดียวก็เลยแย่หน่อย ถามว่าท้อไหมก็มีบ้าง เพราะเราตัวคนเดียว หันไปไม่เจอใครก็ท้อเหมือนกัน แต่ว่าคนอื่นที่ลำบากเยอะกว่าเราก็มี ดังนั้นเลยต้องมีวิธีคิดและอยู่กับมันให้ได้ ตอนที่ยากที่สุดคือตอนที่คิดให้มันผ่านไปได้ คิดว่าไม่เป็นไร คิดว่าพรุ่งนี้มันจะผ่านไปได้ ต้องคิดบวกไว้ไม่งั้นมันอยากตายได้เลยนะ เพราะแค่เลิกกับแฟนก็ยังอยากตายเลย คือมันแล้วแต่คนคิดว่าอะไรมันคือที่สุด ทุกอย่างมันอยู่ที่เราคิดว่าไหวไหม จริงๆมันต้องไหวทุกคนก็ต้องต่อสู้หมด เชื่อว่าคนเรามีมุมลำบากของตัวเอง แต่ไม่ได้คิดว่าเราลำบากกว่าคนอื่น แต่ทุกคนก็มีวิธีแก้ปัญหาของตัวเองได้

ทุกอย่างที่ทำตอนนี้สิ่งที่ทำทั้งหมดก็เพื่อคนข้างหลัง เพราะรู้ว่าถ้าไม่มีเราเขาก็ลำบาก ตอนนี้ไม่มีทำอะไรให้ตัวเองแล้ว ไม่ได้ช้อปปิ้ง ไม่ได้เที่ยวสังสรรค์แล้ว ตื่นมาก็ทำงานบ้าน ตอนนี้ก็ตั้งใจจะส่งลูกชายจนมีอนาคต ดูแลคุณตาไป เพราะถือว่าเป็นโค้งสุดท้ายของเขาแล้วนะ..”

นอกจากนี้เธอยังเผยอีกว่า ความต้องการตอนนี้ก็คือหาเงินมาเพื่อดูแลครอบครัวให้ได้มากที่สุด ดังนั้นหากใครมีงานร้องเพลงในสถานที่ที่เธอสามารถพาลูกไปด้วยได้ เธอสามารถรับงานได้เลยเต็มที่ หรือใครสะดวกอยากช่วยเหลือด้วยการบริจาคข้าวของเครื่องใช้สำหรับผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นผ้าอ้อมผู้ใหญ่ กระดาษชำระ หรืออาหาร-นม ต่างๆก็มาสารถส่งมาช่วยเหลือและให้กำลังใจเธอได้ที่ 667 หมูบ้านแฮปปี้แลนด์ทาวน์เฮ้าส์ ซอยศูนย์บันเทิงการค้า ถนนสุขาภิบาล 1 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพ 10240 หรือใครผ่านไปแถวนั้นก็สามรถแวะอุดหนุนเครปของเธอได้นะ เปิดตั้งแต่ 15.00 – 21.00 น.