เวทีเดือนจุฬาฯระอุเมื่อ เนติวิทย์ ประกาศ อยากยกเลิกการเคารพธงชาติไทย
หน้าแรกTeeNee ข่าวร้อนโลกโซเชียล เป็นข่าว เวทีเดือนจุฬาฯระอุเมื่อ เนติวิทย์ ประกาศ อยากยกเลิกการเคารพธงชาติไทย
ปราชญ์ สามสี ได้โพสต์เฟสแสดงความคิดเห็น หลังจากที่ เนติวิทย์อยากยกเลิกการเคารพธ.ชาติในหมูเยาวชนเสียอย่างนั้น ซึ่งระบุว่า เรื่องนี้ก็ไม่ได้เชื่อใหม่อีก สำหรับ พฤติกรรมแปลกของ เนติวิทย์ ซึ่งล่าสุด ใช้กระแส เวทีเดือนจุฬาฯ อยากยกเลิกการเคารพธงชาติในหมูเยาวชนเสียอย่างนั้น
การที่ เนติวิทย์ สมัครเดือนจุฬาฯแล้วออกมาโพสต์แบบนี้ ไม่ไช่เรื่องโง่เขลาอวดรู้ แต่มีการวางแผนเป็นระบบพอสมควร โดยเฉพาะ ใช้ กระแสการเมืองและเป้าหมายที่"แรง" ดึงกระแสความเกลียดชังได้ไม่น้อย แต่เขาจะทำไปทำไม? ทำไมต้องยกเลิกหมอบกราบ และการเคารพธงชาติ
เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องจากการ พยายาม ยกเลิก การยืนเคารพเพลงสรรเสริญฯของกลุ่มคนที่มีหัวคิด"ฝ่ายซ้ายตกขอบ" โดยเฉพาะ ประเด็นสถาบันฯ เพราะมันเป็นโอกาสของพวกเขาในการแย่งชิง โอกาสทางการเมืองในช่วงที่สถาบันฯ ที่ฝ่ายซ้ายอย่างพวกเขาเชื่อว่า กำลังมาถึงจุดเปลี่ยนผ่าน อย่างมีนัยยะสำคัญ
เพราะ ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๔๘๙ เป็นต้นมานั้น สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เพราะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นความหวังของปวงชนอีกทั้งพระองค์ยังทรงเป็นบุคคลสำคัญที่ผลักดันการประชาสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ยากไร้ จนไปถึงการ เข้าไปช่วยเหลือปัญหาชนกลุ่มน้อย ตามภูมิภาคต่างๆโดยไม่แบ่งแยกฐานะความยากจน ไม่แบ่งแยกศาสนา ไม่แบ่งแยกภูมิประเทศ รวมไปถึงความเชื่อในลัทธิการเมือง เป็นต้น
ซึ่งการทรงงานตลอดช่วงที่พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์นั้น ทำให้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข ยากที่จะมีใครเสี้ยมสอนก่อความวุ่นวาย เพราะ ทุกฝ่ายต่างรักใคร่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเป็นมิตรกับราษฎรเป็นอย่างดี แต่เนื่องจากกาลเวลาผ่านไปพอสมควร คนรุ่นใหม่ ซึ่งขาดประสบการณ์เกี่ยบกับสถาบันฯเริ่มมีจำนวนมากขึ้น บวกกับการศึกษาที่มีคุณภาพถดถอยลงเนื่องจากพิษการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีปัญหา การคอรัปชั่นสูง ส่งผลให้ การศึกษาหลายส่วนขาดแคลน และเต็มไปด้วยการถูกปลุกปั่นจากกลุ่มการเมืองที่มีแนวคิดกอบโกยอำนาจทุกอย่างเมือมีโอกาส
(ซึ่งก็มีลักษณะการพยายามแย่งชิงและกอบโกยอำนาจ คล้าย"คณะราษฎร"ในสมัย ปี พ.ศ.๒๔๗๕ อยู่ไม่น้อยซึ่งเน้นการทำลายประวัติศาสตรืชาตินิยม แล้วเขียนใหม่เพื่อบูชาตัวเอง)
ซึ่งกลุ่มเยาวชนอันเป็นผลผลิตจาก ข้อมูลปลุกปั่นของ"ฝ่ายซ้าย"ที่แอบเพาะพันธุ์ไว้นั้น ได้กลับมางอกเงยเห็นเป็นผลผลิตอยู่บ้าง ในช่วงหลังปี พ.ศ.๒๕๕๐เป็นต้นมา ซึ่งเนติวิทย์ คือหนึ่งในผลผลิตชิ้นหนึ่งของฝ่ายซ้ายหลงยุค
หากจะให้ กระผมวิเคราห์ เด็กคนนี้ แล้วนั้น ผมคงสามารถ อธิบายได้ดังนี้
เด็กคนนี้ มีผู้อุปถัมภ์อยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะการปลูกฝังแนวคิดรวมไปถึงการแนะนำโอกาส อย่่างมีนัยยะสำคัญ โดย มักจะขยับร่วมกับเยาวชนในเครือข่ายของเขาอีกราว10กว่าคน โดย เนติวิทย์ ถูกผลักดันให้ใช้ความเป็นเด็กอ้างว่าไร้เดียงสา เพื่อชงเรื่องอันตรายและเสี่ยงถูกเตะปากมากที่สุด นั้นก็คือ การเสนอความคิด"ยกเลิกความเป็นไทย"
"เพราะความเป็นไทย แบบสยามประเทศ นั้น เป็นเรื่องที่ผูกกันระหว่าง ชาติอันเป็นบ้านเกิดของปวงชนชาวไทย ศาสนาคือคุณธรรมนำใจ และพระมหากษัตริย์อันเป็นจุดศูนย์รวมกำลังใจของไทย" ความเป็นไทย คือการรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมืองไทยให้ลูกหลาน แต่ในความคิดของ เนติวิทย์นั้น กลับมองว่า"ความเป็นไทย"กำลังขัดขวาง"บางสิ่ง" ที่เขาเชื่อว่ามันอาจจะเป็นทางที่เขายอมรับได้มากกว่า เขาจึงพยายามยกเลิกความเป็นไทย ทั้งนัยยะ ความเชื่อทางศาสนาส่วนบุคคล ความศรัทธาในสถาบันพระมหากษัตริย์ และความจงรักภักดีต่อชาติ
แต่จะกระทำลำพังนั้นไม่ทำได้ และแม้จะทำโดยมีขบวนการก็ไม่ไช่ว่าจะทำการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ เช่นกัน สิ่งที่เนติวิทย์ทำ คือการพยายามป่วนให้เกิดความขัดแย้งและการหาโอกาสสบช่องเพื่อดันตัวเองเข้าไปในจุดรอยแตกของสังคม เพื่อ ดันตนเองให้ถึงขีดสุด
ผมเฝ้ามองเด็กคนนี้ มาตั้งแต่ผมของ เนติวิทย์ ยังสูงไม่ถึง3มิลลิเมตร ผมเห็นความใฝ่ฝันของเขาว่าอยากจะเป็น จิตรภูมิศักดิ์ 2 ปรีดี2 สมศักดิ์2 โดยที่เขามีเป้าหมาย อยากจะเป็น “วัยรุ่นทรงอิทธิพลที่สุดในโลกในทัศนะของโลกตะวันตกอย่างอเมริกา” ให้ได้อย่าง โจชัว หว่อง เยาวชน อายุ 19 ปี ผู้นำการประท้วงในฮ่องกงที่ สามารถท้าทายรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่
ด้วยการตั้งพรรคการเมืองประชาธิไตยใหม่ สวนกระแสสังคมนิยมแบบจีน แต่การที่เนติวิทย์จะให้ได้อย่าง โจชัว หว่อง นั้นไม่ไช่เรื่องง่ายๆ เนื่องจาก โจชัว หว่องแห่งฮ่องกงนั้นมีแนวโน้มได้รับการสนับสนุนจากตะวันตก อยู่เยอะตั้งแต่การชุมนุม "ปฎิวัติร่ม"ใจฮ่องกงเมื่อ 2ปีก่อน ที่จึงผมพึ่งเห็นว่า เนติวิทย์ ถึงกับไปขอถ่ายรูปกับโจชัว หว่อง ได้ไม่นานมานี้ ก็แอบนึกในใจว่าเด็กคนนี้ มีแรงขับดันอยู่ภายใน แต่สิ่งที่เป็นปัญหา คือการสึกษาของเขามันบกพร่องเพราะเขาได้"ครูไม่ดีเสี้ยมสอน" เนติวิทย์มุ่งสู่ทางถนนการเมืองโดยการทำลายทุกอย่างที่คนอื่นศรัทธา ทำลายทุกความเชื่อ และทำลายความหวังของทุกคน แต่การจะกระทำแบบนี้ได้นั้น "Mind Master" ของเขานั้นย่อมเป็นคนชี้นำครับ
ทั้งนี้เบื้องหลังของเนติวิทย์นั้น หากนำมาเขียนอีกครั้งคงอาจจะไปซ้ำกับกระทู้อีกหลายสิบกระทู้ที่พูดถึงขบวนการล้มเจ้า นิติราษฎร ศิวรักษ์ สภาเด็กเยาวชน ฯลฯ ที่เคยพูดถึงกันไปแล้ว แต่ผมก็ไม่มั่นใจว่าเนติวิทย์เขารู้ตัวไหมว่ากำลังกลายเป็นเครื่องมือให้ กลุ่มทุนตะวันตกบางกลุ่มที่สนับสนุนเขาในการทำลายชาติ หรือรู้อยู่แล้วว่ากำลังทำลายชาติแต่ก็ยังอยากที่จะทำเพราะมีกลุ่มคนไปยกให้เขาเป็น"เด็กเกรียนตัวอย่าง"
ผมไม่รู้ว่าหน่วยงานความมั่นคงจะมอง เด็กคนนี้เป็นปัญหามากแค่ไหน? แต่ในฐานะของประชาชนแล้ว นี่นับเป็นวิกฤติอันสำคัญ เพราะการที่เด็กจะอ่อนแอทางประวัติศาสตร์จนลืมเรื่องราวการเสียสละชีวิตของบรรพบุรษไปได้นั้น นั่นหมายถึงการทำลายในวงการศึกษาขนาดใหญ่ และเชื่อว่ายังมีเด็กที่พร้อมจะถูกล้างสมองเช่นนี้อีกไม่น้อยเนื่องจาก ไม่ศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง(Research) แต่นิยมชมชอบในการ ฟัง"แม่พิมพ์แก่ๆ"ซึ่งหลายเเห่งมีคุณภาพแย่ลงทุกวัน เพราะมันง่าย กว่าการ ค้นคว้าวิจัยด้วยตนเองมากนัก
สุดท้ายนี้การที่ เนติวิทย์ออกมาเรียนร้อง บ้าบอๆ นั้นคงไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าการพยายามสร้างกระแสให้คนเกิดความขัดแย้ง แต่ความขัดแย้งในภาพรวมตะหากที่ผมห่วงความไม่สงบจะเกิดขึ้นอีก
เพราะนักเลงการเมืองพวกนี้
ผมละห่วงว่า เนติวิทย์จะมีชะตาชีวิตอยู่ถึงตอนที่ตนเองอายุ 90 แล้วหันมาดูสิ่งที่ตัวเองทำลายไปได้หรือไม่?
ขอบคุณเนื้อหาจาก FB : ปราชญ์ สามสี
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!