จากกรณีมีเฟซบุ๊ก ชื่อ Alis Sorsa โพสต์คลิปการตบตีทะเลาะวิวาทของหญิงสาวคู่หนึ่ง โดยหญิงฝ่ายหนึ่งตั้งครรภ์ และมีเพื่อนของอีกฝ่าย เป็นหญิงรูปร่างท้วมเสื้อฟ้าเดินถือปืนขึ้นลำ ออกมายืนอยู่ ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังตบกันอยู่ พร้อมทั้งโพสต์ข้อความ
ว่อนเน็ต!คลิปตบหญิงตั้งครรภ์ ชักปืนขึ้นลำขู่ น้ำตานองตำรวจไม่รับแจ้งความ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 กันยายน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.รินรดา หรืออริซ กล่อมแก้ว เจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว ว่าเหตุการณ์นี้เริ่มแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 กันยายน เวลา 09.00 น.ขณะที่นางนภัสสร กล่อมแก้ว ผู้เป็นแม่กำลังนั่งทำงานในคลินิกแห่งหนึ่ง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี แม่เป็นคนดูแล จู่ๆ น.ส.กรรณ (นามสมมุติ)หญิงสาวรูปร่างสูงใหญ่ที่เคยเป็นอดีตลูกจ้างคลินิกของแม่ แล้วลาออกไปทำงานอีกคลินิกหนึ่งในย่านเดียวกันนั้น เดินทางมาด้วยรถยนต์พร้อมพวกไม่ทราบจำนวน โดยน.ส.กรรณ บุกเข้ามาภายในคลินิกพูดจาข่มขู่แม่ ว่าจะเข้ามาชกปากแม่ โทษฐานแจ้งจับเรื่องใบอนุญาตประกอบสถานพยาบาลคลินิก จนต้องเสียค่าประกันตัวไปเกือบ 1.7แสนบาท โดยแม่พยายามไกล่เกลี่ยว่าไม่ได้ร้องเรียนแต่อย่างใด ทว่าทาง น.ส.กรรณ ไม่ยอมจึงชกเข้าปลายคาง 1 ครั้ง ทำให้แม่ล้มลงกองกับพื้น ก่อนจะหลบหนีไป
น.ส.รินรดา กล่าวต่อว่า เมื่อทราบเรื่องจึงรีบพาแม่ไปรักษาตัวพร้อมตรวจร่างกายไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น.วันเดียวกัน จึงพาแม่เข้าแจ้งความที่ สภ.หนองปรือ จากนั้นจึงถามไถ่คู่กรณีว่ามาทำร้ายแม่ทำไม ก่อนมีการท้าทายนัดเจอกันที่ลานจอดรถของคลีนิกคู่กรณี จนกระทั่งเวลา 17.00 น.จึงเดินทางไปพร้อมกับแฟนหนุ่ม เพื่อพูดคุยถึงปัญหาดังกล่าว เมื่อไปถึงทางคู่กรณีท้าทาย ตนทนไม่ได้ที่น.ส.กรรณมาทำร้ายแม่ จึงเข้าไปตบตีกันทั้งที่ตั้งครรภ์ จนตัวเองเพลี่ยงพล้ำล้มลงกับพื้น รู้สึกว่ามีเลือดไหลออกมาจากช่องคลอด แต่คู่กรณที่มีรูปร่างใหญ่กว่าไม่ยอมปล่อย จนแฟนหนุ่มของตนเข้ามาห้ามแยกย้ายกันไป ก่อนตนไปรักษาตัวและตรวจร่างกายพบว่ามีร่องรอยฟกช้ำบริเวณตาซ้าย และหัวไหล่ข้างซ้าย ส่วนเด็กในครรภ์ปลอดภัย
"ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้ถ่ายบันทึกคลิปวิดีโอไว้ ช่วงท้ายเหตุการณ์ปรากฏภาพหญิงสาวรูปร่างท้วม สวมชุดสีฟ้าเป็นเพื่อนของคู่กรณี เดินถืออาวุธปืนชนิดออโตเมติกสีดำ พร้อมกับขึ้นลำไว้ อีกทั้งหลังจากเหตุการณ์นี้ทางฝ่ายคู่กรณียังพูดข่มขู่ อ้างว่ารู้จักนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ไม่เกรงกลัวใครสามารถเปลี่ยนสำนวนได้ จากเรื่องปืนจริงเป็นปืนปลอมได้ ทำให้รู้สึกหวาดกลัวจึงรีบเดินทางไปแจ้งความ ในวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา แต่เมื่อไปถึงทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ ส่งผลให้ตนและครอบครัวเกรงกลัวอิทธิพลจึงต้องฝากทางสื่อมวลชนช่วยอีกทางเนื่องจากฝ่ายคู่กรณีย้ำเสมอว่าจะตามราวีแม่ตนด้วย" น.ส.รินรดา กล่าวทั้งน้ำตา
ขอบคุณ ที่มาจาก matichon.co.th