อย่างไรก็ตามปัญหาหลักของร้านมิใช่เรื่องของคุณภาพของอาหารหรือรสชาติของน้ำจิ้มที่ทางร้านภาคภูมิใจ แต่เป็นช่องน้ำซุปด้านข้างของหม้อที่ไม่สัมพันธ์กับหลายสิ่งๆ ในร้าน ทั้งในเชิง UX และ UI กล่าวคือช่องน้ำซุปนั้นมีขนาดแคบและตื้นเกินกว่าที่จะใช้ในการบริโภคอาหารภายในร้าน
ในด้านมิติความกว้างนั้น ทุกคนคงจะทราบดีว่ามีความกว้างที่แคบเกินไปและไม่สัมพันธ์กับขนาดของช้อนตักภายในร้าน ทำให้เราไม่สามารถดื่มด่ำกับรสชาติน้ำซุปอันแสนอร่อยได้ นอกจากนี้ด้วยความแคบของช่องตักน้ำซุปนั้นทำให้การใส่กระหล่ำฟรีที่เราตั้งใจมารับประทานมีความยากขึ้นไปอีก สังเกตได้จากการนำกะหล่ำลงไปต้มนั้นค่อนข้างยาก รวมถึงปริมาณของกระหล่ำฝอยที่พลัดตกลงมาบนโต๊ะ คิดเป็น13% ของปริมาณกะหล่ำปลีทั้งหมดของทางร้านทำให้ประเทศไทยสูญเสีย GDP ราว 0.02% ในแต่ละปี
ส่วนในด้านมิติความลึกของช่องก็ตื้นเกินกว่าที่จะนำสิ่งใดลงไปต้ม (โดยเฉพาะกะหล่ำปลี... อีกแล้วเหรอวะ) และทำให้น้ำซุปนั้นพร่องเร็วเกินควรอีกด้วย
ปัญหาเหล่านี้นั้นเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วของทีมบริหารของร้านบาบิก้อน แต่กลับถูกปล่อยประละเลยมาจนถึงปัจจุบัน เพราะฉะนั้นในฐานะของลูกค้าของร้านบาบิก้อนต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับภูมิภาคและมหภาพ ประกอบกับปี 2559 นั้นเป็นปีแรกที่ประชาคมอาเซียนได้ถือกำเนิดขึ้น เราควรตระหนักถึงปัญหานี้และเปลี่ยนแปลงเสียเนิ่นๆ เพื่อมิให้ประเทศเพื่อนบ้านนำไปติฉินนินทาว่าประเทศไทยมีร้านปิ้งย่างที่ตระหนี่ในการให้ลูกค้าในการต้มกะหล่ำต่อไป ปัจจุบัน จากทวิตเตอร์ของคุณ @malimali มีผู้ให้ความสนใจกว่าหมื่นคน อย่างไรก็ตาม เราต้องการกระจายเรื่องนี้ออกไปเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักมากขึ้น ร่วมลงชื่อวันนี้ เพื่อความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นแก่ลูกหลานของเรา