เรื่องราวเกี่ยวกับ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ โดยต่อมาได้มีการเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2515 ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อทรงแต่งตั้ง สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ขึ้นเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระรัชทายาทเพื่อทรงสืบราชสันตติวงศ์ แคมปัส-สตาร์ ขอนำเรื่องราวเกี่ยวกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ที่พสกนิกรชาวไทยหลายๆ คนอาจยังไม่เคยรู้ มาให้ได้อ่านกันค่ะ
6 เรื่องราวเกี่ยวกับ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ที่ชาวไทยอาจยังไม่เคยรู้
หน้าแรกTeeNee ข่าวร้อนโลกโซเชียล เป็นข่าว 6 เรื่องราวเกี่ยวกับ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ที่ชาวไทยอาจยังไม่เคยรู้
1.ทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พระองค์ที่เท่าไหร่ ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ กรุงรัตนโกสินทร์
-นับเป็นพระองค์ที่ 3 พระองค์แรกคือ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) และสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี แต่ได้เสด็จสวรรคตเสียก่อนจะทรงสืบราชสมบัติ
พระองค์ที่ 2 สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระราชชนนี คือ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ เป็นสมเด็จพระราชโอรสพระองค์รองลงมา ได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ (รัชกาลที่ 6)
2.ใคร คือ แพทย์และพยาบาลผู้ถวายพระประสูติกาล
-นายแพทย์คือ นายแพทย์ ม.ล.เกษตร สนิทวงศ์ พยาบาลล้วนเป็นหัวหน้าพยาบาลจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 3 คน คือ คุณถวิลหวัง ทุติยะโพธิ์ , คุณหญิงอาบ สุคันธนาค และคุณหญิงประเทือง คชภักดี
3. ทรงมีน้ำหนักพระองค์เท่าใด ในขณะประสูติ
-ขณะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานน้ำพระมหาสังข์แก่พระราชโอรสตามพระราชประเพณี เมื่อเวลา 14.45 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2495 นั้น น้ำหนักพระองค์ชั่งได้ 6 ปอนด์ และได้ทรงถ่ายพระรูปฝีพระหัตถ์พระราชทานแก่ประชาชนผ่านทางหนังสือพิมพ์รายวันทุกฉบับด้วย
4.ใคร คือผู้ขนานนามพระนาม และผูกดวงพระชะตาถวาย
-ผู้ขนานนามคือ สมเด็จพระสังฆราช (สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์) วัดบวรนิเวศวิหาร ส่วนผู้ผูกดวงชะตาคือ พระธรรมวโรดม (อยู่ ญาโณทยมหาเถร) วัดสระเกศ ซึ่งต่อมาได้เป็นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช ทราบว่า พระยาบริรักษ์เวชการ กับคุณหญิงชิต มิลินทสูต ผู้สนใจในโหราศาสตร์ ได้ร่วมผูกดวงชะตาตามตำราของพระองค์หญิงเฉิดโฉมด้วย ปรากฏว่า พระองค์พระราชสมภพ ยามโฆสกะเศรษฐี ตามนิยายชาดก ซึ่งเกิดมาเสวยสมบัติมหาศาลของเศรษฐี ผู้ใดคิดร้ายก็พ่ายแพ้พระบารมีทุกทีไป ทรงมีเสาร์เป็นสิริ แสดงว่าบริบูรณ์ด้วยพระอิสริยยศ อุดมด้วยทรัพย์ และสำคัญที่สุดคือ จะทรงมีพระชนม์ยืนยาว ทั้งพระฤกษ์ประสูติเป็นพระฤกษ์เดียวกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก องค์ปฐมบรมราชจักรีวงศ์ด้วย
5.ใคร คือพระพี่เลี้ยงถวายการดูแลระหว่างยังเสวยพระกษิรธารา หรือเมื่อยังมีพระชนม์ไม่ถึงหนึ่งพรรษา
-พระพี่เลี้ยงในครั้งนั้นเป็นพยาบาลจากโรงพยาบาลใหญ่ในกรุงเทพฯ 3 แห่ง คือ ศิริราช จุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลหญิง มี สมพร กุณฑลจินดา , วิไล อมาตยกุล , อภิรดี สนิทวงศ์ ณ อยุธยา , ทวี มณีนุตร มีท้าวอินทรสุริยา (คุณพระพี่เลี้ยงเนื่อง) พระพี่เลี้ยงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ครั้งยังทรงพระเยาว์เป็นผู้ดูแลทั่วไป และมีนายแพทย์อรุณ เนตรศิริ เป็นผู้อำนวยการถวายคำปรึกษาในด้านนี้
6. พระสหายร่วมชั้นอนุบาลที่ ร.ร.จิตรลดา มีกี่คน ใครบ้าง?
– ทรงเข้าศึกษาชั้นอนุบาลที่โรงเรียนนี้เมื่อกันยายน ปี 2499 ขณะมีพระชนมายุเพียง 4 พรรษาเศษ นักเรียนร่วมชั้นมีเพียง 7 คน คือ ม.ร.ว.สิทธินัดดา ชุมพล , อรนิดา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา , เกตนา โชติกเสถียร , เกรียงศักดิ์ ช่างเรือน , วีรวุทธิ วิรยพงศ์ , สัณห์ ศรีวรรธนะ และเกริก วณิกกุล
แล้วจึงเสด็จฯ ไปทรงศึกษาต่อในระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนคิงส์มีด แคว้นซัสเซกส์ และศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมิลฟิลด์ แคว้นซอมเมอร์เซทประเทศอังกฤษ หลังจากนั้น ทรงศึกษาต่อวิชาทหารที่โรงเรียนคิงส์สกูล ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เสร็จแล้ว ทรงการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีสาขาอักษรศาสตร์ (ด้านการทหาร) จากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อ พ.ศ. 2519
เมื่อนิวัติประเทศไทยทรงรับราชการทหารแล้วทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่นที่ 46 เมื่อปี พ.ศ. 2520 ทรงเข้าศึกษาในสาขาวิชานิติศาสตร์ รุ่นที่ 2 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมื่อ พ.ศ.2525 ทรงสำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2) และปี พ.ศ. 2533 ทรงได้รับการศึกษา ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรแห่งสหราชอาณาจักร
ที่มา : kratisod.com
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!