พวกเขาพูดเรื่องทางเท้า ซึ่งในประเทศเราไม่ได้ออกแบบไว้ให้ "คน" เดิน แต่มีไว้ให้พ่อค้าแม่ค้าขายของ, ไว้ให้มอเตอร์ไซค์รับจ้างขี่สวนทางและไว้จอดรถแล้วฝรั่งคนหนึ่งก็พูดว่า "พื้นฐานของคนประเทศผมคือวินัยแต่พื้นฐานของคนไทยคือความเห็นแก่ตัว" "คนในประเทศผมจะคิดแล้วคิดอีก" ถ้าการจอดรถของเขาทำให้ใครลำบาก และทุกครั้งจะจบลงด้วยการบอกตัวเองว่า "ไม่จอดดีกว่า" หรือไม่ก็ไปจอดไกลๆ แล้วเดินย้อนมา แต่คนไทยไม่...คนไทยจะ "เห็นแก่ตัว" ทุกที่ที่มีจังหวะ
ไม่ว่ามันจะเป็นการจอดบนทางเท้า / บนเลนจักรยานและแม้กระทั่งปากซอยหรือกลับรถแล้วจอดทันทีเพราะสันดานพื้นฐานของคนไทยคือ "ความเห็นแก่ตัว" และ "บังคับให้คนอื่นต้องหลบ" เพื่อให้ตนเองได้รับสิทธิพิเศษหรือความสบายมากที่สุดเสมอ เมื่อไรที่ความเห็นแก่ตัวของคนไทยไม่ได้รับการตอบสนอง, คนไทยจะเรียกหา "น้ำใจ" เขาเคยนึกว่า "น้ำใจ" ของคนไทยช่างแสนดี แต่วันนี้เขารู้แล้วว่า "น้ำใจ" คือข้ออ้างของความเห็นแก่ตัว ไม่ยอมให้แซงคิวในร้านอาหาร = ไม่มีน้ำใจ ไม่ยอมให้จอดรถซื้อของกระพริบไฟ = ไม่มีน้ำใจ [แม้จะทำให้รถติดยาวไปอีก 3 กิโลฯ ไม่ยอมหลบให้รถมอเตอร์ไซค์ที่ขี่สวนเลนบนทางเท้า = ไม่มีน้ำใจ
ฝรั่งคนหนึ่งบอกว่า "น้ำใจ" คือภาษาไทยคำแรกๆ ที่เขาเรียนรู้ตอนมาถึงประเทศนี้แต่ปัจจุบันมันคือคำที่น่า "ขยะแขยง [Disgusting]" สำหรับเขาเพราะมันคือการที่คนไทยจ้องจะเอาเปรียบกันทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้โดยไม่สนใจใครทั้งนั้น ตอนผมฟังประโยคแรกว่า "พื้นฐานของคนประเทศผมคือวินัยแต่พื้นฐานของคนไทยคือความเห็นแก่ตัว" ก็อยากจะค้าน แต่หลังจากที่พยายามคิดหาเหตุผล, สุดท้ายผมก็นั่งทาน Subway ต่อไปเงียบๆ พลางนึกถึงแฟนเก่าสาวญี่ปุ่นที่เคยตกใจตอนเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางเทน้ำแกงจากหม้อลงบนถนนกับคำถามที่ว่า "แล้วถ้ามีหนูมีแมลงสาปมาทำรังใครจะรับผิดชอบ ?" และ "ทำไมเราต้องมีน้ำใจให้คนเห็นแก่ตัว"