"เอิน-กัลยกร นาคสมภพ" อดีตนักแสดงและศิลปินชาวไทย โพสต์เฟซบุ๊ก "Kalyakorn Earn Naksompop" ระบุถึงการเขียนบทความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ลงในเว็บไซต์ "http://www.kalyakorn.com" เรื่อง "พวกเราน่ะเหรอโดนล้างสมอง? (They said we were brainwashed)" เพื่อตอบคำถามชาวต่างชาติ ที่มักถามว่า "คนไทยถูกล้างสมองให้รักในหลวงหรือเปล่า"
ข้อความว่า
เราสามารถรักคนที่
เราไม่เคยเจอเลยได้อย่างไร?
เราสามารถแม้กระทั่ง...
เทิดทูนท่านได้อย่างไร?
บางคนบอกว่า... เราถูกล้างสมอง
บางคนอธิบายว่า... กฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือที่คนไทยสมัยนี้เรียกกันสั้นๆ ว่า 112 ห้ามเราไม่ให้วิจารณ์พระราชวงศ์
ดังนั้น เราจึงไม่เคยรู้ความจริงและไม่เคยสงสัยในความเคารพที่เรามีให้กับพระราชวงศ์
บางคนแสดงความคิดเห็นไว้ว่า... เพราะประเทศไทยไม่มีประชาธิปไตย เราจึงไม่เคยรู้ว่ามีทางเลือกอื่น
บางคน... เมื่อเห็นว่าเราร้องไห้...
ก็เอาเราไปเปรียบกับเกาหลีเหนือ
- - - - - - -
ถ้าอย่างนั้น...
ฉันขอถามกลับด้วยคำถามที่เรียบง่ายแล้วกัน
คุณเคยได้ยินเรื่องของอับราฮัม ลินคอล์น และสิ่งที่เขาทำมั้ย? คุณเคารพเขามั้ย?
แล้วเนลสัน แมนเดลล่า หรือ มหาตมะ คานธี ล่ะ? คุณเข้าใจเมื่อตอนที่เขาร้องไห้ให้กับการตายของพวกเขามั้ย?
ใช่ ในหลวงของเราไม่ได้ต่อสู้เพื่อปลดปล่อยชนชาติไทยให้เป็นอิสระเพื่อความเท่าเทียมในสังคม
แต่... ในหลวงของเราก็ทรงต่อสู้ อย่างหนักเสียด้วย เพื่อปลดปล่อยประชาชนของท่านจากความหิวโหยและความยากจน
แม้จะเกิดขึ้นในบริบทที่ต่างกัน แต่มันคือเรื่องเดียวกัน
ฉันชื่อกัลยกร อายุ 33 ปี เป็นคนที่เกิดและเติบโตในประเทศไทย ฉันมองว่าตัวเองเป็นคน 2 ภาษา ด้วยความที่เรียนประถมในโรงเรียนไทย แล้วไปต่อชั้นมัธยมในโรงเรียนนานาชาติ ในฐานะที่เป็นคนสองภาษาและเป็นคนที่สนใจประวัติศาสตร์มาก ฉันจึงโชคดีมากที่สามาถเข้าถึงข้อมูลและอ่านบันทึกทางประวัติศาสตร์ได้ทั้ง 2 ภาษา ซึ่ง... บอกเลยว่าเป็นสิ่งที่ทำเสมอ ถ้าจะว่ากันตามตรง ฉันเริ่มจากการศึกษาประวัติศาสตร์ของอารยธรรมอื่นก่อนเสียด้วยซ้ำ ก่อนที่จะเริ่มหันมาสนใจศึกษาประวัติศาสตร์ไทย
ช่วงเวลา 4 ปีในรั้วมหาวิทยาลัยไทยทำให้ฉันตระหนักว่า... ฉันรู้เรื่องบ้านเมืองของตัวเองน้อยเหลือเกิน การเดินทางไปในที่ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นในถิ่นชนบท การต้องนั่งรถทัวร์ การต้องนอนในวัด การต้องทานอาหารพื้นบ้านที่ห่างไกลจากคำว่าหรูหรา เช่น การกินแคบควายกับข้าวเหนียว ทำให้ฉันเห็นประเทศนี้ในมุมที่ไม่เคยเห็น
ฉันจึงเริ่มหันมากลับมามองที่ประเทศอันเป็นบ้านเกิดของตัวเอง ในเวลาเดียวกันนั้น ฉันก็เริ่มเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพื่อบ้าน ซึ่งมีวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกัน และเคยได้ผ่านประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์หลายๆ อย่างคล้ายกัน ฉันจึงได้เห็นความแตกต่างของแต่ละบ้านเมืองที่ฉันได้ไปเหยียบ และรู้สึกซาบซึ้งกับใครก็ตามที่ทำให้ประเทศเรามาถึงจุดนี้ได้ในวันนี้
แต่ฉันพบว่าอดีตของเราไม่ได้สวยหรูอย่างที่หลายคนพยายามทำให้เราเชื่อ ฉันได้เรียนรู้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ต้องเร่งรัดประเทศให้เข้าสู่การปฏิรูปครั้งใหญ่ เพื่อจะรอดพ้นจากการถูกคุกคามจากประเทศตะวันตก ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงล่าอาณานิคม
การศึกษาเรื่องราวจากทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ทำให้ฉันเห็นมิติที่ลึกซึ้งขึ้นในเรื่องราวมากมายที่เคยได้ยินตั้งแต่ตอนยังเด็ก
ฉันได้เรียนรู้ว่าประชาธิปไตยเป็นอุดมคติที่หวานหอมและสวยหรู แต่กลับถูกยัดเยียดให้คนไทยอย่างฉับพลันผ่านการปฏิวัติรัฐประหาร ในตอนที่คนยังไม่พร้อม และไม่เคยได้รับการศึกษาที่ถูกต้องเพื่อจะเข้าใจว่า ประชาธิปไตย คืออะไร
ฉันได้ค้นพบความจริงว่า พระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ต้องหนีออกจากประเทศ เพราะเสี่ยงเหลือเกินที่จะถูกจับขังหากอยู่ในประเทศไทย
ฉันยังได้เห็นความจริงผ่านการเปรียบเทียบกับประวัติศาสตร์ชาติอื่น ว่าการขึ้นครองราชย์ของทั้งรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 นั้น.... ไม่ใช่เรื่องปกติ
รัชกาลที่ 8 นั้นท่านเป็นเชื้อพระวงศ์ที่ยังเป็นเด็กมาก ท่านใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์กับครอบครัวเล็กๆ แม่ของท่านเป็นคนธรรมดา พ่อของท่านเสียไปแล้ว แถมท่านยังไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในสายของการขึ้นครองราชย์โดยตรง แต่ก็ทรงถูกรัฐบาลในยุคนั้นทูลเชิญขึ้นเป็นกษัติย์ปกครองประเทศ เมื่อท่านโตขึ้นและพบว่ามีการเป็นกษัตริย์นั้นมีภาระหน้าที่มากมายกว่าการเป็นแค่หุ่นเชิด ท่านจริงเริ่มทำงานในฐานะกษัตริย์จริงๆ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ในระหว่างการกลับมาเยี่ยมประเทศไทย
ท่านสามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งที่มีมายาวนานระหว่างชาวไทยและชาวจีนในไทย
นั่นเอง... ที่ท่านเริ่มสามารถชนะใจของประชาชนได้... แล้วท่านก็ถูกลองปลงพระชนม์... เพียงไม่กี่วันก่อนจะเสด็จกลับไปเรียนต่อ
หลังท่านเสด็จสวรรคต พระอนุชาของท่านจึงต้องขึ้นครองราชย์แทน ด้วยพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
มันไม่ใช่งานที่ง่ายเลย
มันอาจไม่ใช่แม้งานที่ท่านอยากได้
มันคืองานที่ถูกยัดเยียดให้
ในเวลาที่อันตรายเหลือเกิน
แต่ท่านก็ทรงรับ
นี่คือความจริงที่คนไทยทุกคนรู้ แม้เราจะไม่อยากพูดถึงมันเท่าไหร่ แต่เราก็รู้ ซึ่งฉันพบว่ามันเป็นเรื่องน่าตลกมากเลย ที่สื่อต่างชาติมากมายมักชอบวาดภาพการครองราชย์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไว้เสียหรูหรา โดยกลับไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้เลย