ประสบการณ์ตรงจากคนที่เป็น "โรคซึมเศร้า" มานานกว่า 10 ปี

ประสบการณ์ตรงจากคนที่เป็น \"โรคซึมเศร้า\" มานานกว่า 10 ปี


โรคซึมเศร้า (Major depressive disorder) เป็นโรคทางจิตเวชที่พบได้บ่อยที่สุด ผู้ป่วยไม่ได้เป็นบ้าและไม่ได้เป็นคนไม่ดี แต่เป็นคนที่มีอาการป่วยทางอารมณ์อย่างหนึ่งซึ่งต้องการการรักษา เพราะหากปล่อยไว้ ผู้ป่วยอาจคิดสั้นฆ่าตัวตายได้ เพราะมีสถิติที่ระบุว่า ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายสำเร็จมากกว่าคนทั่วไปถึง 20 เท่า

วันนี้เราจึงขอนำกระทู้จากเว็บชื่อดังอย่างพันทิปดอทคอมชื่อกระทู้ว่า "การเป็นโรคซึมเศร้าเป็นอย่างไรบ้าง จากคนที่รักษาโรคนี้มากว่า 10 ปี" ซึ่งเป็นแระสบการณ์ตรงของคุณเงาของดวงจันทร์ซึ่งเป็นเจ้าของกระทู้ โดยเธอได้มาเล่าประสบการณ์ครั้งนี้ไว้ว่า...

อาหละขอเล่าคร่าวๆก่อน
จริงๆกระทู้นี้ตั้งเพราะได้หลังไมค์กับคนที่เป็นโรคซึมเศร้าแล้วยังไม่ไปรักษา เค้าพูดว่าถ้ามีรีวิวก็ดีหนะสิก็เลยได้ไอเดียว่าน่าจะลองซะหน่อย

จขกท ปัจจุบันอายุเกือบ 24 ปี รักษาโรคซึมเศร้ากินยาต่อเนื่องมาแล้วเป็นเวลาเกือบๆสิบปี
จขกท กินยาต่อเนื่องมาแล้วเป็นเวลา 10 ปีกว่าๆเลยอยากเอามาแชร์ให้ฟัง
จขกท จะเล่าย้อนให้นานที่สุดเท่าที่จะเล่าได้ อาจจะมีตกหล่นบ้างก็.......ก็เท่านั้แหละ บ่นไป จขกท ก็อาจจะจำไม่ได้

จขกท เป็นคนที่ชอบอยู่คนเดียวมีความคิดที่แตกต่างจากชาวบ้านและอินดี้ชอบทำตามใจตัวเอง ไม่รู้คนเป็นโรคคนอื่นเป็นหรือเปล่า

จขกท เป็นโรคนี้จากกรรมพันธ์เชื้อสายมีเชื้อหมดบางคนเป็นมากน้อย อาของ จขกท เสียชีวิตจากโรคนี้เพราะกินยาเกินขนาด
โรคซึมเศร้าบางคนเป็นมากน้อยและแสดงอาการแตกต่างกันไป จขกท จะลองเล่าผ่านทางมุมของ จขกท

 


ประสบการณ์ตรงจากคนที่เป็น \"โรคซึมเศร้า\" มานานกว่า 10 ปี


ย้อนไปในสมัยเด็กๆสักประถม จขกท มักถูกล้อด้วยปมบางอย่างเกี่ยวกับสุขภาพ ซึ่งก็ทำให้ จขกท เสียใจค่อนข้างบ่อยกว่าคนอื่นหน่อยแต่ก็ยังไม่มีอะไรมาก
พอขึ้นมาซักประถมปลาย จขกท มักพบว่าตัวเองเป็นคนคิดมากและนอนหลับยาก บางครั้งถึงกับหยุดความคิดตัวเองที่วิ่งไปมาในหัวไม่ได้

และยังมีความรู้สึกเสียใจและอารมหงุดหงิดฉุนเฉียวมากกว่าคนทั่วไป
ในช่วงนั้น จขกท มักจะทะเลาะกับพ่อหรือพี่ชาย แล้วพอทำอะไรไม่ได้ก็โกรธก็เก็บ วิ่งหนีขึ้นไปอยู่ในที่เงียบๆร้องไห้คนเดียวหรือระบายอารมบ่อยๆ
บางครั้ง จขกท ก็มีความคิดว่าอยากฆ่าตัวตายประชดโลกหรือ แบบทำไมต้องมาทะเลาะกับพ่อกับพี่แบบนี้ 

จนจุดพีคคือเมื่อซักอายุ 13-14 ปี ทะเลาะกับพี่ชายแล้วจขกทรู้สึกสมเพชมากๆจนรู้สึกเหมือนจะบ้าอารมมันระเบิดออกมา จขกท ทุบโต้ะรัวมากๆ
ทุบจนมือช้ำและทุบกำแพง แล้วพอดีพ่อแม่มาเห็น จุดๆนั้น จขกท รู้สึกสมเพชตัวเองมากๆ

วันรุ่งขึ้น พ่อกับแม่ จขกท จึงแนะนำว่าให้ลองไปพบจิตแพทย์ ซึ่ง จขกท ดีตรงที่ จขกท ไม่ได้ปิดว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันลองก็ไม่เสียหาย 


จขกท ได้ลองไป หาคลินิกจิตแพทย์เด็กแห่งนึง ที่พ่อแม่รู้จัก ที่นั้นก็เป็นคลินิคเล็กๆ เด็กเต็มไปหมด (เล่นกับเด็กสนุกมากเลย ฮ่าๆ ) 


พอเข้าไปพบหมอ เป็นหมอ ผู้ชายดูมีอายุแล้ว จขกท ก็ได้ทำแบบทดสอบง่ายๆวัดสมาธิกับวัดปัญญา โดย หมอบอกว่าให้จำที่หมอบอก ตอนนั้น หมอบอกว่า ต้นไม้ รถ ไฟ เครื่องบิน
แล้วหมอก็จะชวนคุยไปเรื่อยแล้วมาถามซ้ำอีกทีว่าหมอบอกอะไรไป ซึ่งก็จำได้

จริงๆไอการรักษาเนี่ยมันไม่ได้ต้องนั่งทำสมาธิ หรือต้องเเบบฝึกจิตอะไรเป็นพิเศษเลย หมอจะฟังที่เราพูดเหมือนเราปรับทุกข์
เหมือนเวลาเราบ่นกับใครที่มีวุฒิภาวะ หลังจากนั้นก็ได้ยามาชุดนึงกินทุกวัน ถ้าจำไม่ผิดยาตัวนั้นจะชื่อ fulox ราคาเท่าไหร่ไม่รู้ต้องกินวันละเม็ด
พอกินยาเข้าไปสิ่งที่สัมผัสได้มันแปลกมากครับ เหมือนกับว่าเราสามารถควบคุมความคิดตัวเองได้อีกขึ้นมาโดยไม่ฟุ้งซ่าน


ลองนึกภาพตามนะครับ เหมือนเวลาเราคิดมากความคิดกับอารมเราจะพุ่งไปทางนั้นทางนี้ บางทีซ้ายสุดแปปๆกระโดดมาขวาสุด
แต่พอกินยาเข้าไปรู้สึกเหมือนพอความคิดเราจะพุ่งไปทางไหนมันจะไปเจอกำแพงอะไรซักอย่างแล้วกระเด้งกลับมา
แต่ผลข้างเคียงก็คือง่วงครับ จริงๆง่วงไม่มากหรอกแต่ จขกท ขี้เซาอยู่แล้ว เลยหนักนิดนึง

ยอมรับว่าหลังกินยาแล้วมันดีขึ้นมากนะครับเพราะหลังจากนั้น จขกท เวลาแย่ๆจขกท ก็เสียใจแต่ไม่มากอย่างที่เคยๆเป็นเท่าไหร่


หลังจากนั้น จขกท ก็ไปหาหมออีกสองสามรอบ จน รอบสุดท้าย จขกท เล่าอะไรซักอย่างให้หมอฟัง(จำไม่ได้ละ) แล้วเหมือนหมอไม่เห็นด้วยแล้ว
ปล่อยออร่าความกดดัน (จขกท สัมผัสได้) จขกท จึงได้ทำการเปลี่ยนหมอ คราวนี้มารักษาที่ศิริราช

คราวนี้ จขกท อายุ 15 แล้ว มาเจอหมอใหม่ เป็นหมอ ญ หลังจากคุยเรื่องความคิดความอ่านความรู้สึก หมอบอก จขกท ว่าจริงๆความคิดของ จขกท
อาจจะเหมือนคนต่างประเทศอยู่หน่อยๆซึ่งบางทีอาจจะมีคนที่ยังไม่ชอบในลักษณะแบบนี้เท่าไหร่ หมอคนนี้เป็นหมอ ที่ จขกท รักษามาจนปัจจุบันนี้
ตลกมากทุกวันนี้พยาบาลที่นั่งหน้าห้องหมอก็ยังเป็นคนเดืมมาเกือบสิบปีแล้ว คราวนี้ จขกท ได้เปลี่ยนยาครับเป็นยาชื่อ lexapore ค่อนข้างแพงครับเม็ดละ 40 บาท กับยาสำหรับใช้ตอนนอนไม่หลับอีกตัวชื่อ diazepam

ยาความนี้ไม่แรงเท่าตัวที่แล้วครับไม่ถึงกับความคิดวิ่งไปชนอะไรออกแนวเรื่อยๆโดยที่ไม่รู้ตัว มีผลข้างเคียงนิดหน่อยซึ่งอาจจะเสียวขานิดหน่อยในบางที
ส่วนยานอนหลับนี่ค่อนข้างดีเลยครับ จริงๆมันไม่ใช่ยานอนหลับ แต่เป็นยาผ่อนคลายประสาท ทำให้หยุดคิดไรเยอะแยะและหลับง่าย และ จขกท ก็ใช้ยาสองตัวนี้จวบจนปัจจุบัน แต่ยานอนหลับนี่คือเฉลี่ยกินเดือนละสองสามครั้ง

จขกท เคยหยุดยาไปในบางครั้งเพราะคิดว่าตัวเองน่าจะหยุดได้เพราะรู้สึกปกติมาก โดยไม่ถามหมอก่อน แต่พอมีเรื่องอะไรเข้ามาในชีวิต เช่น อกหัก(เป็นเรื่องที่ทำอิมแพคได้เยอะและนานที่สุดแล้ว จนปัจจุบันก็ยังโสดอยู่ 5555) ก็ทำ จขกท เดี้ยงไปเลย
จขกทเคยโดน พ่อแม่ บอกว่า เป็นโรคนี้อย่าไปบอกใครทั้งสิ้น แต่ จขกท ก็บอกไปเยอะมากแล้วครับไม่มีเพื่อนคนไหนรังเกียจ จขกท สักคน

สรุป
- โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่สมองหลั่งสารสร้างความสุขมาน้อยเกินไป มันคือโรคครับๆ
- ถ้าไปเจอคนเป็นโรคซึมเศร้าที่เป็นหนัก ให้พยายามชวนคุยเรื่องอื่นหรือปลอบครับ การไปบอกเค้าว่าทำไมไม่คิดงั้นหรือการเอาเหตุผลมากมายไปเท จะได้ผลไม่มากเผลอๆจะแย่กว่าเดิม เพราะเค้าจะรู้สึกสมเพชตัวเองว่าเค้าคิดแบบนั้นไม่ได้
- ชอบมีคนมากมายบอกผมว่าเห้ยก็แค่คิดมากอยู่ที่จิตใจปะวะ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับโรคเลย ผมบอกได้เลยว่ามันไม่ได้เกี่ยวเลยครับ เรามีสารสร้างความสุขน้อย ทำให้จิตใจเราอ่อนไหวต่อเรื่องแย่ๆ แต่ถ้าเราได้รักการรักษา จิตใจเราก็จะเข้มแข็งขึ้นมาเอง
- การกินยาไม่ได้แปลว่าเราต้องกินเฉพาะตอนที่เป็น แต่ยาจะช่วยทำให้เรามองโลกในแง่ดีขึ้น และแย่น้อยลงเวลาเราเจอปัญหา
- การเป็นโรคนี้ดีอยู่อย่างครับ คือหลังกินยาแล้วถ้าเกิดเราไม่ได้เจออะไรที่แรงๆ เราจะควบคุมอารมได้ดีกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ แต่ถ้าแรงหน่อยก็อาจจะะหนักกว่าคนทั่วไป
- การเป็นโรคนี้หมอจะสอนให้เรารู้จักตัวเองและควบคุมอารม เพราะงั้นเราจะรู้ตัวไวมากหากเราเสียใจโกรธหรืออะไรก็ตาม เราจะค่อนข้างไวกับพวกนี้ และไปหามุมเงียบๆสงบใจ
- โรคนี้จะทำให้เราหมกมุ่นกับความคิดค่อนข้างมากครับ เราจะหมกม่นกับมันแบบเรื่อยๆ (ทำให้ลืมคนช้ามากเวลาอกหัก 55555) ทางที่ดีควรหาอะไรทำ หรือแย่จริงๆโทรหาเพื่อนครับจะดีมาก
- การร้องไห้เป็นสิ่งที่ดีมากครับ การระบายออกเป็นสิ่งที่ดี การเก็บต่างหากที่น่ากลัวเพราะถ้าระเบิดทีก็จะแย่หน่อย
- คนที่สงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ไปหาหมอเถอะครับ มันคุ้มและทำให้ชีวิตดีขึ้นจริงๆ
- โดยปกติคนทั่วไปก็ควรไปหาจิตแพทย์ปีละสองหนนะครับ

ปล ใครสงสัยไรถามได้ตอบเท่าที่ตอบได้

อัพเดทนิดนึง ทุกวันนี้ จขกท ก็ยังกินยาอยู่ใช้ชีวิตเป็นปกติ มีร่าเริงดี กวนตีนขี้เล่น จริงๆถ้าไม่บอกใคร คงไม่มีใครจะคิดว่าเป็น ซึมเศร้าหรอก ถ้ามองเผินๆ จขกท จะมองโลกในแง่ดีมากกว่าปกติด้วยซ้ำ คือทุกวันนี้ที่ จขกท กินยา ไม่ได้กินเพราะมีอาการเรื่อยๆ แต่กินเพื่อเวลาเรื่องแย่ๆเข้ามาจะไม่เป็นหนัก

จขกท ไปรักษาคลินิกนอกเวลา ของศิริราชครับราคาประมาณ 500 - 700 ต่อครั้งไม่รวมค่ายา แต่คิดว่าถ้าเป็นเวลาปกติน่าจะถูกกว่านั้น ทุกวันนี้ จขกท ไปหาหมอเฉลี่ย สองครั้งต่อปีครับ


ขอบคุณที่มา > > คุณ เงาของดวงจันทร์ กระทู้จาก pantip.com/topic/34839048

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์