ลุงยากจน รับเด็กขอทานเป็นลูกบุญธรรม แต่ขโมยเงินไปหมดตัว พอรู้ความจริงอึ้ง!!

ลุงยากจน รับเด็กขอทานเป็นลูกบุญธรรม แต่ขโมยเงินไปหมดตัว พอรู้ความจริงอึ้ง!!

เรียกได้ว่าหลีกเลี่ยงกันไม่ได้เลยกับความจริงที่กล่าวกันไว้ว่า "คนเราเกิดมาด้วยพื้นฐานที่ไม่เท่ากัน" บางคนเกิดมามีชีวิตสุขสบายบนกองเงินกองทอง มีทรัพย์สมบัติมากมาย บางคนเกิดมาบนความยากลำบากไม่มีแม้แต่โอกาสดีๆในหลายๆด้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่เห็นได้ทั่วไปในสังคมในปัจจุบันนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนควรจะมี ก็คือความมีน้ำใจ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และมีความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อย่างเช่นเรื่องราวของคุณลุงรายหนึ่งที่มีชื่อว่า "โจวซ่าน" ที่ได้มีการส่งต่อกันผ่านโลกโซเชียลออนไลน์กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งเขาได้เดินทางมาพบกับขอทานข้างถนนรายหนึ่ง แล้วเรื่องราวทั้งหมดก็ดำเนินมาเรื่อย ๆ จากคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ก็ได้เปลี่ยนชีวิตของลุงโจวซ่านไปตลอดกาล

เราจะเห็นได้ว่าในแต่ละชุมชนก็มักจะมีกลุ่มคนมานั่งจับกลุ่มคุยกันตามร้านน้ำชาเพื่อแก้เหงา และที่หมู่บ้านแห่งนี้ก็เช่นกัน ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนายโจวซ่าน ที่อยู่เป็นโสดจนถึงอายุ 50 ปี ยังคงอาศัยอยู่ในบ้านขนาดไม่ถึง 20 ตารางเมตรที่พ่อแม่เหลือไว้ให้เป็นมรดกในแต่ละวัน เขาจะตระเวนไปตามซอยเพื่อรับจ้างลับมีด เขาเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือชาวบ้านอยู่บ่อยๆ

มีอยู่วันหนึ่ง สามีภรรยาคู่หนึ่งทะเลาะกัน เสียงดังลั่นไปครึ่งซอย ชาวบ้านก็ออกมายืนมุงดูกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่มีใครเข้าไปห้ามทัพ โจวซ่านทนดูต่อไปไม่ไหว จึงเสนอตัวเป็นผู้ไกล่เกลี่ย แต่กลับกลายเป็นสองสามีภรรยารวมหัวกันมาทำร้ายเขา จนมีแผลเป็นน่าเกลียดกลายเป็นเรื่องราวที่คนในหมู่บ้านพูดคุยกันเช้าตรู่วันหนึ่ง ลุงโจวซ่านก็ออกจากบ้านขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจไปทำงานตามปกติ ระหว่างทาแกเห็นเด็กอายุประมาณ 10 ขวบคนหนึ่งนอนหลับอยู่ข้างทาง หน้าตามอมแมมมีร่องรอยคราบน้ำตาบนใบหน้า แกถอนหายใจแล้วก็ส่ายหัว ขี่มอเตอร์ไซค์จากไป พอตกกลางวัน ระหว่างขี่รถกลับบ้านไปกินข้าว แกก็เห็นเด็กคนเมื่อเช้าอีกครั้ง เด็กน้อยนั่งคุกเข่าขอเงินหรืออาหารจากคนที่เดินผ่านไปมา แม้ว่าจะเคยเจอดีมาแล้ว แต่ลุงโจวซ่านก็ยังเดินเข้าไปหาเด็กชายแล้วพูดว่า "ลุงทำงานเลี้ยงตัวลุงคนเดียว ถ้าเธอไม่รังเกียจที่ลุงจน ลุงรับประกันว่าจะไม่ปล่อยให้เธอหิว"

เด็กชายจ้องมองลุงโจวสักพัก ก่อนจะมองไปรอบทิศ แล้วก็ปีนขึ้นไปนั่งท้ายมอเตอร์ไซค์ พอถึงบ้านลุงโจวอาบน้ำสระผมให้เด็กชายจนสะอาดเอี่ยม จากนั้นก็เลือกเอาเสื้อผ้าตัวเล็กๆที่เขาใส่ไม่ได้แล้ว 2-3 ตัวมาให้เด็กชายใส่ เด็กชายหน้าตาดูดี มีใฝบนคิ้วข้างขวา แกเป็นเด็กความรู้ ในทุกๆวันจะช่วยลุงโจวซักผ้า ทำอาหาร ทำความสะอาดบ้าน

หลังจากนั้นไม่นาน เรื่องที่ลุงโจวเอาเด็กขอทานมาเลี้ยงก็แพร่ขยายไปทั่ว เพื่อนบ้านหวังดีก็บอกให้แกรีบไล่เด็กคนนี้ออกจากบ้านไปซะ เด็กขอทานพวกนี้ไว้ใจไม่ได้ ระวังจะเกิดเรื่อง แต่ลุงโจวซ่านไม่ได้ใส่ใจ แกรู้แค่ว่าแกชอบเด็กชายมากขึ้นเรื่อยๆ

เวลาผ่านไป 1 เดือน ก็มีชายหญิงวัยกลางคนมาปรากฏตัวที่หน้าบ้านลุงโจว แล้วด่าว่า "แกมันไร้คุณธรรม มากักตัวลูกฉันเอาไว้" โจวซ่านหันไปถามเด็กชาย "นี่พ่อแม่ของเธอหรอ?" เด็กชายตอบอย่างหวาดกลัว : "ใช่ ไม่ ไม่ใช่" ลุงโจวก็เลยหันไปพูดกับชายหญิงสองคนนั้น "ถ้าพวกคุณบอกว่าเด็กคนนี้เป็นลูก ก็เอาหลักฐานมาให้ฉันดู ฉันถึงจะให้แกไปกับพวกคุณ ไม่อย่างนั้นก็อย่าหวัง" ชายหญิงคู่นั้นเริ่มรน พูดจาข่มขู่ "แม้ว่าพวกเราจะไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆ แต่ตอนนั้นที่แกโดนทิ้งไว้ข้างถนน พวกเราเป็นคนช่วยแกไว้ แล้วยังเลี้ยงดูมาอีก 10 ปี ในสิบปีมานี้พวกเราใช้เงินไปไม่น้อยในการดูแลแก ตอนนี้แกสามารถขอทานหาเงินมาตอบแทนบุญคุณได้แล้ว คุณกลับมาเอาแกกลับมาอยู่บ้าน ทำอย่างนี้ถูกต้องหรือไง"

ลุงโจวถามเด็กชายว่าที่ชายหญิงสองคนนั้นพูดเป็นความจริงหรือไม่ เด็กชายเม้มปากแล้วก็พยักหน้า ในโลกนี้มีคนแบบนี้ด้วยหรอเนี่ย ลุงโจวเลยถามกลับไปว่าต้องทำยังไงพวกเขาถึงจะยอมปล่อยเด็กชายไป สองคนนั้นก็เลยลอบยิ้มแล้วว่า "ให้ปล่อยแกไปน่ะได้ แต่คุณต้องจ่ายเงินให้พวกเรา 25,000" ซึ่งเขาทำงานมาเกือบทั้งชีวิต รวมบ้านที่อยู่ด้วยยังแค่ 5 หมื่น พวกเขาแค่เอ่ยปากก็จะเอาไปครึ่งนึงเลยหรอไง ลุงโจวซ่านลังเลอยู่สักครู่ แล้วก็ไปเบิกเงินจากธนาคาร 25,000 มาให้ชายหญิงคู่นี้ ทั้งสองคนมองแต่ไม่มีใครรับเงิน ลุงโจวเข้าใจความหมายทั้งสองต้องการโก่งราคา แกมองไปเห็นหน้าของเด็กชายน่าสงสาร แกเลยเช็ดเหงื่อแล้วไปเบิกเงินในบัญชีที่เหลือมาจนหมดได้อีก 25,000 ก่อนจะกัดฟันมอบให้ชายหญิงคู่นั้นไปทั้งหมด 35,000 บาท

เมื่อชายหญิงสองคนนั้นเดินจากไปไกล เด็กชายก็คุกเข่าลงกับพื้น ก้มลงกราบลุงโจว "พ่อครับ ต่อไปนี้ลุงคือพ่อของผม" "ดีมากไอ้ลูกชาย ลุกขึ้นมาเถอะ" ลุงโจวดีใจยิ้มไม่หุบ หลังจากนั้น 2 เดือน ก็มีเรื่องบางอย่างที่ลุงโจวคาดไม่ถึงเกิดขึ้น เด็กชายกับเงินที่เหลืออีก 15,000 ของเขาหายไปพร้อมกัน แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เรื่องราวของลุงโจวโดนคนทั้งหมู่บ้านพูดถึง บางคนบอกว่าน่าสงสาร ไม่เพียงแต่โดนขโมยเงินไปจนหมด ยังโดนหลอกให้เสียความรู้สึกอีก แต่ก็มีคนสมน้ำหน้าที่แกชอบไปยุ่งเรื่องของคนอื่น แต่ไม่ว่าใครจะพูดอะไร ลุงโจวก็ทำเหมือนไม่ได้ยิน ทุกวันแกก็ยังพยายามตามหาลูกชาย

ผ่านไป 16 ปี ลุงโจวในวัย 70 กว่าร่างกายทรุดโทรมลงเรื่อยๆ หลังงองุ้ม มีชีวิตอยู่ได้ด้วยเงินช่วยเหลือจากรัฐ วันหนึ่งขณะที่กำลังตากผ้าในสวน อยู่ดีๆแกก็เป็นลมหน้ามืด พอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แกก็ถูกเพื่อนบ้านส่งไปโรงพยาบาลแล้ว คุณหมอบอกแกว่า ในสมองแกมีเนื้องอก เป็นเนื้อร้าย แต่เนื่องจากแกอายุมากแล้วไม่ควรผ่าตัด ให้แกกินยาควบคุมไว้แทน แล้วก็ดูแลตัวเองให้ดีที่บ้าน แล้วหมอก็ยื่นใบสั่งยาให้แกไปรับยา ลุงโจวถือกระดาษแผ่นนั้นกลับบ้านเงียบๆ แกจะมีเงินที่ไหนไปจ่ายค่ายา หรือต่อให้กินยาก็ต้องตายอยู่ดี

ในขณะที่ลุงโจวซ่านกำลังนอนรอเวลาตาย รถหรูคันหนึ่งก็มาจอดหน้าบ้าน ชายหนุ่มในชุดสูทคนนึงเดินลงมาจากรถ แล้วมุ่งตรงมาหาแก เมื่อเห็นลุงโจวนั่งสัปหงกอยู่ในสวน ชายหนุ่มก็เรียกว่า : "พ่อ" ลุงโจวสะดุ้งตื่น มองชายหนุ่มอย่างงงๆ ชายหนุ่มหน้าตาคุ้นๆ บนคิ้วขวามีไฝ ลุงโจวน้ำตาไหล ชายหนุ่มคุกเข่าลงตรงหน้า ร้องไห้ไปพูดไป "พ่อครับ ตอนนั้นผมอยากเป็นลูกพ่อจริงๆ อยากอยู่กับพ่อ แต่หลังจากพ่อแม่เลี้ยงของผมเอาเงิน 35,000 ไปไม่นาน พวกเขาก็กลับมาบังคับให้ผมขโมยเงินที่เหลือของพ่อให้ แล้วก็หนีไปกับพวกเขา ไม่งั้นเขาจะเอาไฟเผาบ้านของพ่อ ผมกลัวเขาจะทำร้ายพ่อ ก็เลยทำแบบนั้นไป แต่หลังจากผมขโมยเงินไปแล้ว ผมอยากกลับมาหาพ่อ แต่ผมกลัวพ่อไม่เชื่อ พ่อผมขอโทษ" ลุงโจวรับชายหนุ่มเข้ามาในอ้อมกอด "พ่อรู้ เธอเป็นลูกที่ดี" จากนั้นชายหนุ่มก็รับลุงโจวซ่านไปอยู่ที่บ้าน แล้วเขากับภรรยาก็ช่วยกันดูแลแก แถมยังหาหมอที่เก่งที่สุดมารักษาให้ด้วย นับว่าเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ


ข้อมูล : LIEKR

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์