ติดเชื้อวันละ 30 แสดงว่ายังมีที่ตามไม่ได้อีก คนทำงานจริงเอาไม่อยู่แล้ว


ติดเชื้อวันละ 30 แสดงว่ายังมีที่ตามไม่ได้อีก คนทำงานจริงเอาไม่อยู่แล้ว

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว

โดยระบุว่า
ถ้าเราติดเชื้อวันละ 30 แสดงว่ามีผู้ติดเชื้อที่เราตามไม่ได้อีกจำนวนหนึ่ง และติดต่อกันเป็นลูกโซ่ คนทำงานจริงเอาไม่อยู่แล้ว

“จากน้องๆ ในสาธารณสุข

จากปัญหา และสถานการณ์ CoVID-19 ในปัจจุบันของประเทศไทย จะพบว่ามีการติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้นมาก แต่ยังไม่สำคัญเท่ากับการสืบค้นโรคจากผู้ป่วยไม่ได้ เพราะทุกคนที่ติดเชื้อมีโอกาสไปแพร่เชื้อในชุมชม และก่อให้เกิดการติดเชื้อลุกลามมหาศาล

ข้อเท็จจริงจากการรณรงค์การควบคุมส่วนบุคคลย่อมสามารถทำได้ และประเทศเราทำได้ดีมากในระดับหนึ่ง แต่ระดับการติดเชื้อได้ดำเนินมาถึงระยะที่มีการติดเชื้อที่มากและไม่สามารถที่จะตามควบคุมได้ทั้งหมดแล้ว

หากเกิดการเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่เป็นแบบประเทศอื่นๆ จะนำพามาซึ่ง การใช้ทรัพยากรอย่างมากมาย และไม่เพียงพอ

การเปิดปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้จากภายนอกประเทศเข้ามา จะเป็นการซ้ำเติมประเทศ เสมือนการจะปัดกวาดบ้าน แต่ยังเปิดประตูหน้าต่าง ในสภาพที่นอกบ้านมีพายุฝุ่นตลบอยู่ ย่อมเป็นไปไม่ได้

เราปัดกวาดบ้านด้วยนโยบายที่มีและกำลังกระทำอยู่เป็นสิ่งที่ดี พึงกระทำได้ภายใต้บริบททรัพยากรที่มีอยู่ในปัจจุบัน หากล่วงเลยเวลาเกิดการติดเชื้อมากมายจากการไม่สามารถควบคุมผู้ติดเชื้อที่ติดตามไม่ได้จนลุกลาม ด้วยยา และทรัพยากรต่างๆที่มีในปัจจุบันจะไม่สามารถมีเพียงพออย่างแน่นอน สุดท้ายอาจเกิดโศกนาถกรรมแบบบางประเทศที่หมอ พยาบาลต้องเลือกผู้ป่วยในการรักษาซึ่งผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ ไม่พึงเกิดขึ้นในประเทศที่ได้ชื่อว่ามีการสาธารณสุขที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ข้าราชการ ประชาชนพร้อมกวาดบ้าน ทำความสะอาดบ้านของเรา แต่ขอให้การดำเนินการเป็นผลที่ดี เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติไทย

คุณหมอธเนศ”

นอกจากนี้ นพ.ธีระวัฒน์ ยังโพสต์ว่า

 "ระยะสุดท้ายจะทำหรือไม่ทำ?
18/3/63

ประเทศไทยต้องการมาตรการแบบที่หยุดการแพร่ได้เด็ดขาดหรือมากที่สุดเช่นประเทศจีน ขอ 21 วัน
ผู้ฝ่าฝืนมีโทษ

•ห้ามออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น
ยกเว้นอาชีพที่ไม่สามารถทำจากที่บ้านได้ เช่นแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตำรวจ พนักงานสาธารณูปโภค

•ออกไปทำธุระที่เกี่ยวข้องกับความจำเป็นขั้นพื้นฐาน

•หรือจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือผู้อื่น

•และออกมาลำพัง หรือด้วยคนน้อยที่สุด

•ห้ามการชุมนุม โดยเด็ดขาด

•ในสถานที่ทำงานที่อนุญาตให้ไปทำนั้นต้องป้องกันตนเอง และรักษาระยะหนึ่งถึง 2 เมตร

•ในกรณีที่ออกจากบ้านในกลุ่มที่จำเป็นดังกล่าวต้องสวมหน้ากาก และล้างมือบ่อยที่สุด

•ในขณะที่มีมาตรการปิดบ้านมีกระบวนการทำลายเชื้อ ในทุกพื้นที่ตั้งแต่หมู่บ้านอำเภอตำบลจังหวัด

ปิดสถานที่อย่างที่รัฐบาลประกาศขณะไม่ช่วยอะไรมาก เพราะการใช้ชีวิตของประชาชนยังเหมือนเดิม ยังมีการทำงานในออฟฟิศ การเดินทางยังใช้ รถโดยสารเช่นเดิม

การแพร่แม้อาจจะดูเหมือนลดจำนวนในแต่ละวันได้ แต่รอปะทุเป็นอาการหนักขึ้นเรื่อยๆที่ต้องเข้าโรงพยาบาล และกระทบระบบสาธารณสุข

ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงดูสถานการณ์ในโรงพยาบาลขณะนี้ตั้งแต่ความลำบากในการจำแนกผู้ต้องสงสัยและมีผู้ป่วยติดเชื้อจริงมากขึ้นและอุปกรณ์และบุคลากรที่จะอัตคัดขึ้นตามลำดับ

มาตรการปิดบ้านดังกล่าวไม่ใช่จบแล้วจบเลยแต่ต้องมีมาตรการต่อเนื่องเช่นในประเทศจีนคือมีการรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลโดยดำเนินชีวิตเริ่มเข้าใกล้ปกติมากขึ้นและมีการตรวจตราหาผู้ติดเชื้อใหม่และกักกันรักษา การตรวจตราหาผู้ติดเชื้อใหม่ได้ง่าย โดยชุดตรวจหาแอนติบอดีในเลือดแบบเพิ่งติดเชื้อ หรือติดเชื้อมานานแล้ว ซึ่งถูกประหยัดและรวดเร็วและมีการสุ่มตรวจเป็นกลุ่มเป็นระยะในพื้นที่ต่างๆเป็นควบคุมตลอดเวลาจนกว่าจะมีวัคซีน



ติดเชื้อวันละ 30 แสดงว่ายังมีที่ตามไม่ได้อีก คนทำงานจริงเอาไม่อยู่แล้ว

เครดิตแหล่งข้อมูล : FBธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha

ติดเชื้อวันละ 30 แสดงว่ายังมีที่ตามไม่ได้อีก คนทำงานจริงเอาไม่อยู่แล้ว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์