อาจารย์หมอ แนะวิธีการดำรงชีวิตในเดือนพฤษภาคม สู้โควิด-19


อาจารย์หมอ แนะวิธีการดำรงชีวิตในเดือนพฤษภาคม สู้โควิด-19


จากสถานการณืการแพร่ระบาดโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ซึ่งพบว่ายอดปัจจุบันในไทยวันนี้ (22 เม.ย.) มีผู้ติดเชื้อ 15 ราย รวมป่วยสะสม 2,826 ราย (68 จังหวัด) ออกจากโรงพยาบาลแล้ว 244 ราย หายป่วยกลับบ้านรวมแล้ว 2,352 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมเสียชีวิตแล้ว 49 ราย โดยพบมากที่สุดช่วงอายุ 20-29 ปี

ทางด้าน "รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์" คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อแนะนำในการดำรงชีวิตในเดือนพฤษภาคม ที่จะถึงนี้ไว้ว่า 

ผู้สูงอายุ: เน้นอยู่ที่บ้านเป็นหลัก หากจะยืดเส้นยืดสายก็ออกกำลังกายในบ้านหรือรอบบ้าน ออกนอกบ้านยามจำเป็น ต้องใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ หลายคนมีปัญหาได้ยินไม่ค่อยชัด พยายามอย่าอยู่ใกล้คนอื่น พูดเสียงดังๆหรือตะโกนจะดีกว่าเสี่ยงติดเชื้อตอนไปคุยใกล้ๆ ระวังเรื่องความเหงาหรือเศร้า ลูกหลานควรโทรหาหรือผู้สูงอายุโทรหาลูกหลานผลัดกันไปให้คลายความคิดถึง




เด็กก่อนวัยเรียน: พ่อแม่หรือคนในครอบครัวดูแลเองจะดีที่สุด ไม่ควรเสี่ยงกับการไปฝากไว้ในศูนย์รับเลี้ยง

เด็กวัยเรียน: รัฐประกาศเปิดเทอมกรกฎาคม ก็ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ เรียนรู้จากการอ่านหนังสือหลากหลายชนิด ดูทีวีหรือมือถือบ้างแต่อย่ามากนัก พ่อแม่อาจมอบหมายงานบางอย่างให้ทำสลับกันไป ออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายบ้างตามสมควร

คนทำงาน: เน้น work from home โดยนายจ้างควรสนับสนุนนโยบายนี้อย่างเต็มที่ เพราะจะเป็นเดือนที่เสี่ยงต่อการระบาดได้ หากรัฐประกาศปลดล็อคให้มีคนออกมาในสังคมมากขึ้นไม่มากก็น้อย โอกาสมีค่อนข้างสูง ดังนั้นถ้าที่ทำงานเราจัดการได้ ย่อมเป็นการป้องกันตัวเราได้ ขืนปล่อยให้มีคนเสี่ยงติดเชื้อ จะติดกันยกสำนักงานหรือทั้งแผนก ส่วนคนที่จำเป็นต้องเดินทางไปทำงาน ไปเช้าหน่อยหรือสายหน่อยเพื่อเลี่ยงแออัดในขนส่งสาธารณะ หรือสลับเวลาทำงานโดยตกลงกับเพื่อนร่วมงานและนายจ้าง

อย่าลืมใส่หน้ากากเสมอ ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างๆ จากคนอื่น โดยควรฝึกสงสัยไว้เสมอว่าคนที่เราเจอทุกคนมีโอกาสมีเชื้อได้โดยไม่รู้ตัว ขืนรับเชื้อมา จะแพร่ไปให้สมาชิกในครอบครัวและคนใกล้ชิดได้




คนออกกำลังกาย: เห็นกันบ่อยที่ยังมีคนวิ่งออกกำลังกายตามที่ต่างๆ แน่นอนว่าไม่ใส่หน้ากากกันเพราะใส่แล้วเหนื่อย แต่ก็แลกมาด้วยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นมาก เพราะมักไม่ได้วิ่งคนเดียว แต่จะมีก๊วน หรือคนมาวิ่งด้วยกัน ทางเลือกที่ทำได้คือ ออกกำลังกายคนเดียว หรือถ้ามากันหลายคนก็เปลี่ยนจากวิ่งเป็นเดินเร็ว แต่ใส่หน้ากากก็น่าจะโอเคกว่า ใช้หน้ากากผ้าก็พอ อย่าใส่ N95 เชียวนะ เดี๋ยวจะเป็นลม

บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาล: ถ้ารัฐประกาศปลดล็อค กรุณาเปิดระบบดูแลรักษาผู้ป่วยโดยยึดแนวคิด "เตรียมรับมือสถานการณ์การระบาดซ้ำ"


ระบบดูแลรักษาโรคอื่นๆ ทั่วไป ควรเปิดทำการไม่เกิน 30-50% ไปก่อนอย่างน้อยอีก 1 เดือนหลังจากปลดล็อค เพื่อลดการแออัดของผู้ป่วยและญาติในโรงพยาบาล

การดูแลรักษาควรเน้นใช้ Tele ผ่านช่องทางต่างๆ ลด physical contact ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อลดโอกาสแพร่เชื้อจากกลุ่มคนที่ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ และลดการใช้ทรัพยากรพวกอุปกรณ์ป้องกันชนิดต่างๆ Practice universal precaution ไว้เสมอ ดูสถานการณ์ตอนนี้แล้ว คงเลี่ยงหรือยื้อลำบาก




รอวัดใจว่า รัฐบาลจะเลือกทางที่เสี่ยงมากกว่า หรือทางที่เสี่ยงน้อยกว่า เตรียมทรัพยากรจำเป็นต่อการดำรงชีพไว้ที่บ้านบ้างก็ดีนะครับ เผื่อฉุกเฉิน

ใครพอไหวก็ปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด เก็บตัว เพื่อให้ปลอดภัย และเก็บแรงไว้สำหรับช่วยผู้อื่นยามเดือดร้อน สถานการณ์แบบที่เราเผชิญ ไม่มีโมเดลอะไรมาทำนายทายทักได้ แต่ต้องใช้ตรรกะแบบจะ take risk or minimize risk เพื่อแลกกับความปรารถนาที่อยากได้ระหว่างความปลอดภัยในชีวิตและรายได้เพื่อการดำรงชีพและพยุงเศรษฐกิจ ทั้งสองอย่างล้วนสำคัญทั้งคู่ แต่วิธีการทำนั้นเลือกได้

ถ้าเลือกถูก ก็ปลอดภัยและได้เงิน
ถ้าเลือกผิด ก็คุกคามต่อชีวิต เงินก็ไม่ได้ แถมเจ็บป่วยล้มตายมาก
เราทุกคนไม่ได้มีบทบาทในการเลือกในระดับประเทศ
แต่เราแต่ละคนสามารถเลือกแนวทางดำรงชีวิตสำหรับตัวเราได้ตามความจำเป็นและความเหมาะสม
สู้ๆ นะครับทุกคน

#อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ
#StayHome #อยู่บ้านกันเยอะๆ
#ออกจากบ้านยามจำเป็น
#ใส่หน้ากากล้างมืออยู่ห่างๆคนอื่น
#ช่วยเหลือแบ่งปันแก่คนเดือดร้อนหากเรามี
#ดูแลตัวเองและครอบครัวให้ดีจะได้ปลอดภัยและเป็นแรงช่วยคนอื่นในสังคมยามฉุกเฉิน




เครดิตแหล่งข้อมูล : FB:Thira Woratanarat
เรียบเรียง : ทีมงาน Teenee.com


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์