‘เฮียชู’โชว์เก๋าเล่าเรื่องคุก ‘เขี้ยวเกินไป’ตรวจโควิด3นิ้วยามวิกาล

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืนชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ "ศาลติงกรมราชทัณฑ์" มีเนื้อหาดังนี้...

"ศาลติงกรมราชทัณฑ์"

ศาลชี้ จม.อานนท์ ย้ายไผ่-ไมค์ตรวจโควิด ไม่คำนึงสิทธิผู้ต้องขัง ไม่ให้ความระมัดระวังกระทบสิทธิ

อย่างที่ผมบอกเอาไว้แต่แรกว่ากรมราชทัณฑ์ต้องระมัดระวังอย่างเต็มที่ เมื่อม็อบ 3 นิ้ว พาเหรดกันเข้าคุก

เพราะแม้แต่ศาลยังติเหมือนที่ผมบอกไว้ว่า

"ไม่เหมาะสม" ที่จะมาทำแปลกๆ ตรวจโควิดกันยามค่ำคืน ทั้งๆ ที่เพิ่งย้ายมาจากเรือนจำธนบุรีก้นยังไม่ทันหายร้อน

จู่ๆ กลางดึกก็จะขยันตรวจโควิดกันอีกให้ได้ เข้าใจว่าเจตนาหมอดี แต่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

จะโทษใครได้ หากไม่ใช่ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ในขณะนั้น

พูดภาษาคนคุก คือ "เขี้ยวเกินไป" คนไม่มีอิสรภาพก็มากพอแล้ว ยังไม่ให้เขาหลับเขานอน

เหมือนสมัยผมติดคุกเมื่อ 18 ปีก่อน พ.ศ. 2546 ไม่มีผิด เป็นนักโทษ ถูกเอาตัวมาอยู่ใต้ถุนศาล หิวก็หิว ยังโดนเรียกค่าข้าวผัดไป จานละ 5,000 บาท ถึงจะได้กิน

คิดดูแล้วกัน ว่าใจไม้ไส้ระกำกันได้ถึงขนาดนั้น

คนติดคุกก็ติดไป แต่อย่าไปละเมิดสิทธิความเป็นมนุษย์เขาเลย จะไปทำเขาทำไม?

แล้วที่หัวหน้าแดน 1 ชื่อย่อ ต. ขันคอโก่งทุกเช้าอยู่หน้าแดน เอาเพนกวินไปอยู่ห้อง 10 ก่อนย้ายไปสถานกักกันปทุมธานี

จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ไม่ทราบ แต่ดูเหมือนแกล้งเพนกวินยังไงไม่รู้ เพราะห้องนี้เป็นห้องของผู้ต้องขังมุสลิม เขาต้องละหมาดกันหลายรอบ

หน้าตาอย่างเพนกวินคงไม่ได้เป็นมุสลิม แต่เอาไปอยู่ด้วยกันมันแปลกๆ อยู่นา

ทั้งแดนมีห้องขังตั้ง 14 ห้อง ทำไมต้องเจาะจงเอาเพนกวินไปขังที่ห้องผู้ต้องขังมุสลิม?

นี่ถ้าเพนวินกลับมาเรือนจำพิเศษกรุงเทพอีก จะเอาเขาไปไว้ห้อง 10 อีกหรือเปล่าก็ไม่รู้

ผมติดคุกมา 3 รอบแล้ว เข้าใจว่าท่านใหญ่ในคุก แต่ออกมานอกคุกมันเท่ากันหมดนะครับ

คุกมันแดนสนธยา เรื่องแบบนี้รู้กันแค่วงใน ระดับรัฐมนตรี อธิบดีไม่รู้เรื่องหรอกครับ

ยิ่งยุคนี้ ปี 2564 แล้ว เรื่องสิทธิมนุษยชนเขาจับจ้องกันอยู่

อย่าให้เขาว่าเอาได้ว่ากลั่นแกล้งเขา