พิธา ก้าวไกล เรียกร้องบิ๊กตู่ลาออก
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก เรียกร้องให้บิ๊กตู่ ลาออก เหตุไร้ความสามารถในการบริหารประเทศ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
รวบอำนาจ แต่แก้ปัญหาไม่ได้
"ผมขอย้ำอีกครั้ง พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ขาดอำนาจ แต่ขาดความสามารถ
"เป็นเวลา 20 วันเต็มแล้วที่เราต้องอยู่ภายใต้การบริหารแบบ "รวบอำนาจ" ของนายกรัฐมนตรี ที่รวบอำนาจหน้าที่ 31 พ.ร.บ. จากรัฐมนตรีคนอื่นมาไว้ในมือของนายกรัฐมนตรี เป็นการรวบอำนาจที่มีเจตนาเพื่อแก้ไขวิกฤตโควิดแบบ ‘One man show' รวบการตัดสินใจแทบทุกอย่างไว้ที่คนๆเดียว นั่นก็คือ พลเอกประยุทธ์
"ก่อนหน้าการรวบอำนาจ ประเทศไทยของเราต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิดระลอกที่สาม ที่ส่วนหนึ่งเกิดจากความบกพร่องของรัฐบาล รวมถึงคนในรัฐบาลหลายคน จนก่อให้เกิดคลัสเตอร์การระบาดที่ส่งผลขจรขจายไปไกล พอสถานการณ์ดูไม่สู้ดี พลเอกประยุทธ์ก็เข้าตาจน ต้องงัดท่าไม้ตายที่ตัวเองถนัด คือการรวบตรึงอำนาจจากรัฐมนตรี ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว พลเอกประยุทธ์ก็แทบจะนั่งหัวโต๊ะตัดสินใจในทุกการประชุมอยู่แล้ว
"สถานการณ์ก่อนการรวบอำนาจหนึ่งวัน ตลอดช่วงการระบาดของวิกฤตโควิดตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อสะสม 57,508 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 148 ราย อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 0.26%
"เมื่อพลเอกประยุทธ์ทำการรวบอำนาจไว้ที่ตนเอง ขอตัดสินใจทุกอย่างเป็นเวลา 20 วัน ผลที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในรอบ 20 วันนี้ก็คือ ผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 100,000 รายในวันนี้เป็นวันแรก ยอดรวมอยู่ที่ 101,447 ราย เพิ่มขึ้น 43,939 ราย ภายใน 20 วันของการรวบอำนาจ เฉลี่ยติดเชื้อเพิ่มวันละ 2,197 ราย
ผู้เสียชีวิตสะสมในรอบ 20 วันแห่งการรวบอำนาจ อยู่ที่ 436 ราย เพิ่มขึ้น 295% เมื่อเทียบกับยอดผู้เสียชีวิตสะสมช่วงก่อนหน้านี้ที่สะสมมา 400 กว่าวัน
อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 0.58% หมายถึงความเสี่ยงในการเสียชีวิตเมื่อตรวจพบเชื้อ เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม 2.2 เท่า ภายในระยะเวลา 20 วันในด้านการบริหาร ก็พบว่า เรายังคงได้ยินข่าวผู้ติดเชื้อหาเตียงไม่ได้ ไม่มีรถไปรับทุกวัน จนประชาชนต้องออกมาช่วยเหลือกันเอง แนวทางการได้มาซึ่งวัคซีนที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพก็ไม่มีความชัดเจน มาตรการเยียวยาประชาชน ผู้ประกอบการที่กำลังเดือดร้อนก็ไม่มีความคืบหน้า
อุปกรณ์ทางการแพทย์ก็ยังคงขาดแคลน ทั้งที่ยังมีงบประมาณเหลืออยู่ ระบบการตรวจเชิงรุกก็ทำได้ไม่ทั่วถึง ทำให้เราได้ยินชื่อคลัสเตอร์ใหม่ๆเกิดขึ้นแทบจะทุกวัน จนจำกันไม่ไหว ตัวเลขการฉีดวัคซีนที่วางแผนไว้วันละหลายแสนเข็มก็เป็นแค่การสร้างวิมานในอากาศ เพราะไม่มีวัคซีนให้ฉีด รวมถึงแผนกระจายวัคซีนในอนาคตที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง
ภายใต้การบริหารของพลเอกประยุทธ์ ผมว่าก็คงมีแต่ตัวเลขของผู้ติดเชื้อเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น นอกนั้นก็มีแต่ลดลง ทั้งเงินในกระเป๋าประชาชน เตียงผู้ป่วยหนักในโรงพยาบาล งบประมาณแผ่นดิน ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของประชาชนต่อวัคซีนที่รัฐจัดหามาให้
ในภาวะวิกฤตเช่นนี้ ผู้นำที่ดีควรจะต้องทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ ใช้ความรู้ ความสามารถทั้งหมดลงไปกับการแก้ไขปัญหาเพื่อหาทางออกให้แก่ประเทศ แต่ผมมองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ในตัวพลเอกประยุทธ์เลย
แนวโน้มสถานการณ์โควิด-19 มีแย่ลง เรียกร้องให้ลาออก
ทุกวันนี้แนวโน้มวิกฤตโควิดก็มีแต่จะแย่ลง เศรษฐกิจของประเทศกำลังถอยหลัง ชีวิตของประชาชนแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่พลเอกประยุทธ์ก็ยังทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน เหมือนทำงานแค่ตามเวลาราชการ กว่าจะตัดสินใจอะไร วิกฤตก็รุนแรงเสียแล้ว ไม่ได้มีการวางแผนล่วงหน้า ได้แต่แก้ปัญหาแบบผักชีโรยหน้าไปวันๆ แบบนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีนายกฯ ไว้ทำไม
เมื่อผลลัพธ์ของการรวบอำนาจไปที่ผู้นำแบบพลเอกประยุทธ์ออกมาเป็นเช่นนี้ ผมจึงต้องขอย้ำอีกครั้งว่า ในการแก้ไขวิกฤตครั้งใหญ่ของประเทศแบบนี้ พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ขาดอำนาจ แต่ขาดความสามารถ และควรลองฟังคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกน้องรอบตัวเองดูบ้าง เผื่อจะได้พิจารณาตัวเองเสียที ว่าตัวเองไร้ความสามารถและความพร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตประชาชนคนไทย พลเอกประยุทธ์ควรยอมรับความจริงข้อนี้และลาออกให้เร็วที่สุดครับ