เพจเฟซบุ๊ก มหา'ลัยชีวิต ได้เผยแพร่เรื่องราวของ จอห์น ในวัย 50 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในห้องเช่าละแวกพุทธมณฑลสาย 4 ในทุก ๆ วันจอห์นมีกิจวัตรที่ต้องทำซ้ำ ๆ คือ การทำน้ำพริกไปขายตามงานเเสดงสินค้าทั่วไป ทำตั้งเเต่ตี 4 จนถึง 9 โมงเช้า ทำเองทั้งหมดในทุกขั้นตอน โดยให้มอเตอร์ไซค์รับจ้างไปซื้อของมาจากตลาด
จอห์น ได้เล่าย้อนถึงอุบัติเหตุที่ทำให้ต้องสูญเสีย โจ้ มกจ๊ก สามีคู่ชีวิต ว่า 14 ปี การของการจากไป ในปี 2547 โจ้ประสบเหตุถูกคนใจชั่วปาหินใส่รถตู้ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ในเวลากลางดึก โจ้นั่งหลังคนขับหินทะลุกระจกมาโดนที่หัวพอดี โจ้ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลประมาน 5 ทุ่ม ตอนนั้นตนไม่ทราบเรื่อง ยังนอนกอดลูก ตอนเช้าชาวคณะมาบอกข่าว ตนเป็นลมไปหลายรอบ ซึ่งในตอนนั้นลูกอายุไม่กี่เดือน หลังโจ้จากไปตนก็ต้องทำงานหาเงินเล่นตลก ซึ่งลูกสาว น้องเจนนี่ ทำงานเเทนพ่อได้ เพราะคนเอ็นดูน้อง และสงสารเรา
หลังเหตุการณ์ผ่านไปประมาณ 2 ปี น้องเจนนี่ กลับต้องมาจากโลกนี้ไปด้วยอุบัติเหตุอีกคนในวัยสามขวบสี่เดือน จากการถูกรถทับโดยเพื่อนบ้าน โดยน้องนั่งเล่นกองทรายบริเวณนั้นประจำ ในเวลานั้นจอห์นกำลังขายอาหารตามสั่ง เพื่อนบ้านได้ถอยรถกระบะมา มองไม่เห็นจึงทับน้อง หลังถูกทับน้องเรียกเเม่ด้วยความเจ็บปวด 3 ครั้ง แม่ แม่ แม่ แล้วก็กระอักเลือด และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาเดียวกับโจ้ คือ ประมาน 5 ทุ่ม
จากเหตุการณ์ที่พบเจอ ทำให้จอห์นเหมือนคนที่เสียหลัก เสียผู้เสียคนไป 2 ปีกว่า จากนั้นก็กลับมาตั้งหลักใหม่ โดยจอห์นเริ่มคิดว่าจะทำอะไรเลี้ยงชีวิต เพราะเหลือตัวคนเดียว พ่อกับเเม่ก็เสียไปเเล้ว มีพี่น้องเเต่เขาก็เหมือนไม่ได้สนใจ และตนก็ไม่ได้หวังให้ใครมาดูแล โชคดีคนจัดงานเเสดงสินค้าไม่ให้ตนเสียค่าเช่าที่ ทั้งนี้ จอห์นยอมรับว่าชีวิตลำบากแต่ก็ชินเเล้ว ตอนนี้สุขภาพไม่ดี ผ่าตัดลำไส้ หัวเข่าก็เสื่อม หากผ่าตัดเข่าอีกก็จะเสียรายได้ พักฟื้นนาน ไม่มีคนดูแล ก็เลยต้องอดทน ถึงแม้จะมีผู้ใหญ่ในวงการเมตตา แต่ด้วยสุขภาพเเล้วไม่สามารถรับงานได้ เพราะกลัวเป็นภาระคนอื่น
"เราถูกสร้างมาเเบบนี้ เราก็คิดว่าอย่างน้อยเราก็ครบ 32 มีสติปัญญา เราเเค่ไม่สูงเหมือนคนอื่น ๆ ในบ้าน เรายังได้เจอโจ้ ได้รัก ได้พลัดพราก เเละน้องเจนนี่เอง อย่างน้อยก็ได้พบกัน ได้มีกัน ถึงเเม้มันจะเป็นช่วงเวลาที่เเสนสั้น เเต่มันคือความงดงามที่ลูกได้เกิดมาเจอเเม่ เเละให้เเม่ได้รักลูก เเม่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มีโอกาส เเต่เราก็ได้มีกันเเละกัน ส่วนวันข้างหน้า ก็ดูเเลตัวเองไปจนกว่าจะไม่ไหว"