เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ต่างประเทศได้เปิดเผยเรื่องราวของชาวเน็ตท่านหนึ่ง โดยเรื่องราวระบุว่า.. วันนั้นตอนยืนคุยโทนศัพท์อยู่ริมถนน เราก็ได้ยินบทสนทนาของสองแม่ลูกโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็ต้องตื้นตันไปกับสิ่งที่คุณแม่คนนี้สอนลูก
"แม่กินนมเปรี้ยวของหนูหมดแล้ว หนูรู้สึกแย่มั้ย?"
"แล้วหนูไปดึงทิชชูในห้องน้ำออกมาจนหมดแบบนั้น คุณผู้จัดการเห็นเข้าก็จะไปโทษว่าคุณป้าทำความสะอาดว่าทำงานไม่ดี แล้วคุณป้าก็อาจจะโดนหักเงินเดือน หนูรู้สึกแย่มั้ยครับ?"
"แย่ครับ" เด็กชายไม่กล้ามองหน้าแม่ หน้าเริ่มแดง
แล้วคุณแม่ก็ทำตัวเป็นนักมายากล หยิบนมเปรี้ยวอีกขวดออกมา
"แม่ไม่ควรกินนมเปรี้ยวของหนูหมดโดยไม่ได้ถามหนู แม่ขอโทษนะครับ นี่แม่ซื้อให้หนูใหม่อีกขวด แต่ว่าความผิดต่อคุณป้าเราจะทำยังไงกันดีครับ?"
"แม่ครับ ผมไม่รู้ทำยังไงดี" เด็กน้อยไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่เอามือจับชายเสื้อ
"แม่รู้ว่าหนูจะคิดออกว่าทำยังไงดี ลองคิดดูซิครับ"
คุณแม่มองอย่างลังเลเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่วิธีการขอโทษที่ดี แต่ก็ยังสนับสนุนความคิดของลูก โดยพาลูกชายไปซื้ออมยิ้มมาจากร้านค้าถุงใหญ่
"งั้นแม่รออยู่ข้างนอกนะครับ ถ้าอมยิ้มใช้ไม่ได้ผล แม่จะเข้าไปช่วยจ่ายเงินชดใช้ให้หนู สู้ๆครับ" ลูกชายพยักหน้าเราสงสัยว่าหนูน้อยจะทำยังไงก็เลยเดินตามเข้าไปในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่ง
ตอนนั้นเป็นตอนหัวค่ำ ลูกค้าเต็มร้าน พนักงานก็ยุ่งมาก เด็กน้อยอ้าปากจะพูดแต่ก็ถูกเสียงของผู้คนรอบข้างกลบจนมิด แกยืนยื่นถุงอมยิ้มไปแต่ก็ไม่มีใครรับ ทำให้แกร้องไห้ออกมาในที่สุด คุณแม่ของเด็กน้อยยืนมองอยู่เงียบๆนอกร้าน โดยไม่คิดจะเข้ามาช่วย ดูเหมือนว่าในสายตาเธอแล้ว ลูกทำความผิดเองก็ต้องยอมรับผิดด้วยตัวเอง พอเด็กน้อยร้องไห้ ผู้จัดการร้านก็ออกมา
"เป็นอะไรครับ" ผจก.ถามอย่างอ่อนโยน
"คุณอาครับ เมื่อกี้ผมดึงกระดาษทิชชูในห้องน้ำออกมาจากกล่องหมดเลยครับ"
หนูน้อยเปิดกระเป๋าหนังสือที่สะพาย ข้างในเต็มไปด้วยกระดาษทิชชู ผจก.ร้านอึ้งไป แต่ไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงดี "ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมทำผิด อย่าไปลงโทษคุณป้าทำความสะอาดนะครับ คุณแม่บอกว่าคุณป้าจะรู้สึกแย่ ผมให้คุณแม่ช่วยซื้ออมยิ้มให้ เป็นของที่ผมชอบที่สุด ผมมอบให้พวกคุณอาเพื่อขอโทษได้มั้ยครับ แม่บอกว่าจะให้จ่ายเป็นเงินแทนก็ได้..."
ผจก.มองไปที่ผู้หญิงนอกประตู แล้วดูเหมือนว่าเข้าใจเหตุการณ์ในที่สุด เขาคุกเข่าลงพูดกับหนูน้อย "โอเค อารับคำขอโทษครับ พวกเรายกโทษให้หนู แต่ครั้งต่อไปห้ามหยิมทิชชูออกมาเยอะๆแบบนี้อีกนะครับ" เด็กน้อยรู้สึกโล่งใจ "ขอบคุณครับ" จากนั้นก็เดินหน้าบานออกมาหาแม่ "แม่ครับ เงินที่ซื้ออมยิ้มให้ผมออกเองนะ..."
คุณภาพของแม่เป็นตัวกำหนดความสำเร็จของลูก นิสัยของแม่เป็นตัวกำหนดว่าลูกจะเป็นคนยังไง ระหว่างที่ลูกเติบโตขึ้น พวกเขาจะได้พบปัญหาต่างๆมากมาย บางครั้งพวกเขาจะอ่อนแอ บางครั้งสับสน คุณแม่ก็คือผู้ช่วยแนะนำ ต้องชี้ทางที่ถูกต้องให้
เวลาลูกๆ ทำผิด ครอบครัวส่วนใหญ่ก็จะใช้วิธีดุว่า ห้ามไม่ให้ลูกทำซ้ำอีก แต่กลับละเลยไม่ได้ทำให้ลูกรู้ว่าต้องรับผิดชอบต่อความผิด ทั้งๆที่นั่นเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เด็กเติบโตมาอย่างถูกต้อง
คุณแม่ด้านบนเป็นตัวอย่างที่ดี ก่อนอื่นเลยก็ต้องทำให้ลูกรู้ด้วยตัวเองว่าเขาทำผิด ช่วยเป็นกำลังใจให้ลูกคิดหาวิธีขอโทษเพื่อชดเชยความผิดของตนด้วยตัวเอง จากนั้นก็ให้ลูกแสดงความรับผิดชอบด้วยการไปชดเชยความผิดของตน...
จากขั้นตอนเหล่านี้ หนูน้อยไม่เพียงแต่สามารถแก้ปัญหาเอาเปรียบเอาของคนอื่น แต่ยังเข้าใจว่าต้องทำตัวยังไง และเรียนรู้ที่จะพูดคุยกับคนแปลกหน้า เรียกได้ว่านี่เป็นการสั่งสอนที่เจ๋งมาก!