เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2560 เว็บไซต์เซี่ยงไฮ้อิสต์ เผยเรื่องราวชวนซึ้งปนสะเทือนใจ ระบุว่า โหลว เทา หญิงสาววัย 28 ปี นักศึกษาปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ได้แจงความจำนงขอยุติการรักษา ก่อนตัดสินใจบริจาคศีรษะเพื่อการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ รวมทั้งบริจาคอวัยวะ อื่น ๆ เพื่อช่วยต่อชีวิตให้กับคนอื่นแทน
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2558 โหลว เทา ได้เริ่มเข้าศึกษาระกับปริญญาเอก สาขาประวัติศาตร์ ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง แต่แล้วเพียงไม่นานหลังจากนั้น เธอก็พบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคเอแอลเอส (ALS : Amyotrophic Lateral Sclerosis) หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง อันเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับเซลล์ประสาทที่อยู่ในสมองและไขสันหลัง ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อต่าง ๆ โรคนี้ส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงและการทำงานของกล้ามเนื้อ โดยปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาโรคนี้ให้หายขาด มีเพียงแต่การรักษาตามอาการแบบประคับประคองเท่านั้น
โหลว เทา เริ่มขยับเท้าซ้ายไม่ค่อยได้ และหลังจากนั้นอาการของเธอก็ค่อย ๆ ทรุดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งในเดือนมกราคม 2560 เธอก็มีอาการหนักมาก จนต้องถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาพิเศษในห้องไอซียู
ในวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา โหลว เทา ได้บอกกับพ่อของเธอว่า เธอต้องการที่จะหยุดการรักษาและบริจาคอวัยวะ ซึ่งในตอนแรกทางพ่อของเธอไม่ยอม แต่เธอก็ยืนยันและขอร้องจนพ่อของเธอยอมทำตามความปรารถนาขอเธอ หลังจากนั้น โหลว เทา ก็ได้ขอให้นางพยาบาล เขียนเอกสารร่างเจตจำนงของเธอ
โดยในเอกสารดังกล่าว ระบุข้อความไว้ดังนี้ "หลังจากที่ฉันตาย ฉันอยากจะขอบริจาคศีรษะของฉันให้กับการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ ฉันหวังว่าในวันหนึ่ง เราจะสามารถหาวิธีรักษาโรคเอแอลเอสนี้ได้ เพื่อที่มวลมนุษย์โลกจะได้ไม่ต้องเจ็บป่วยด้วยโรคนี้อีกต่อไป ทั้งนี้ฉันอยากจะขอบริจาคอวัยวะส่วนอื่น ๆ เพื่อช่วยชีวิตคนอื่น เพื่อน ๆ ของฉันช่วยกันร่วมระดมทุนหาเงินจำนวนมากกว่า 1 หยวน (ราว 5 ล้านบาท) เพื่อช่วยในการรักษาฉัน แต่ฉันไม่อยากรับเงินช่วยเหลือจากคนอื่น ๆ แล้ว
ฉันอยากจะให้นำร่างที่เหลือของฉันไปเผา และนำอัฐิไปลอยยังแม่น้ำแยงซี ไม่ต้องมีพิธีฝังศพ ขอให้ฉันจากไปอย่างสงบ อย่างไม่เหลือร่องรอยใด ๆ เสมือนว่าฉันไม่เคยอยู่บนโลกนี้... ความหมายของชีวิต ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่าเราใช้ชีวิตได้นานแค่ไหน แต่เราสามารถใช้ชีวิตได้มีคุณภาพแค่ไหน"
คำปราถนาสุดท้ายของโหลว เทา ได้สร้างความเศร้าสะเทือนใจให้ทั้งครอบครัว เพื่อน และใคร ๆ อีกหลายคน อย่างไรก็ดี ความทรงจำและคุณความดีของเธอจะยังคงอยู่ และถูกส่งต่อไปยังอีกมากมายหลายชีวิตที่เธอได้เสียสละครั้งยิ่งใหญ่ในการช่วยเหลือพวกเขาไว้