" ต้นมณีโคตร" เป็น ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ในประเทศลาว ซึ่งในโลกใบนี้ มีเพียงต้นเดียวเท่านั้น กิ่งใหญ่ที่ชี้ไปในอากาศสามกิ่ง กิ่งหนึ่งชี้ไปที่แผ่นดินไทย กิ่งสองชี้ไปแผ่นดินลาว กิ่งสามชี้ไปแผ่นดินเขมร ทั้งหมดที่กล่าวมานี่คือรากแก้วของต้นมณีโคตร กิ่งก้านที่ออกจากกิ่งใหญ่ก็คือรากฝอย เหมือนธรรมชาติจงใจสร้างความแปลกพิศดารของต้นมณีโคตร ให้เกิดขึ้บนโลกใบนี้เพียงต้นเดียว รากเจริญเติบโตไปในอากาศ ลำต้นขยายกิ่งก้านรองรับรากและกอดรัดกับแก่งหิน ให้ยืนต้นแบบเอาหัวลง เอารากชี้ฟ้าเป็นมาชั่วนาตาปีที่ไม่มีใครรู้และหลักฐานยืนยันได้ว่า เกิดขึ้นมา ณ ดินแดนแห่งนี้ ตั้งแต่เมื่อใด? จากตำนานของลาวที่เล่าขานกันว่า เป็นต้นไม้วิเศษ หากปลายชี้ไปทางไหนก็จะมีแต่ความเจริญ
ครั้งหนึ่งมีเรื่องเล่าว่า สามเณรน้อยผู้เคร่งครัดรูปหนึ่ง ได้ขึ้นไปนั่งจำศีลบำเพ็ญภาวนาอยู่ใต้ต้นไม้นี้ ซึ่งตอนนั้นยังเป็นต้นไม้ธรรมดา ตกเช้าก็ออกบิณฑบาตไปตามป่าเขา แม้บริเวณนั้นไม่มีผู้คนอยู่เลย แต่สามเณรก็มีอาหารเต็มบาตรทุกเช้า ว่ากันว่า สามเณรได้บิณฑบาตมาจาก ผีบังบด ซึ่งเป็นภูตชนิดหนึ่งที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี ต่อมาวันหนึ่ง สามเณรท่านนี้ก็ได้เดินลุยน้ำเข้าไปในโพรงใต้ต้นไม้หายไปแล้วไม่กลับออกมาอีกเลย รุ่งขึ้นอีกวันต้นไม้นั้นก็มีอันผิดกฏธรรมชาติ และคงอยู่ในลักษณะนั้นตลอดมา
เรื่องของ " ต้นมณีโคตร" นั้นมีเล่าขานกันมาอย่างยาวนาน และเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวลาวและชาวลาวอิสานด้านติดชายแดนอำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี โดยครั้งหนึ่งเมื่อ 60-70 ปีก่อน มีพระภิกษุรูปหนึ่งได้ธุดงค์โปรดสัตว์อยู่แถบนี้ ไม่ว่าท่านจะเดินทางไปที่ใดก็มักจะกล่าวกับผู้คนที่พบพานอยู่เสมอว่า "ผู้ใดไปถึงหลี่ผี หากเป็นผู้ไม่มีบุญบารมีแล้วอย่าหวังเลยว่าจะได้เห็นต้นมณีโคตร" ผู้คนจึงหลั่งไหลมาเพื่อพบเห็นต้นมณีโคตรในที่สุด ซึ่งก็ไม่ทราบว่า ต้นไม้ต้นนี้ขึ้นอยู่กลางน้ำใหญ่ที่นี่มานานเท่าใดแล้ว
ปัจจุบัน ต้นมณีโคตร ได้ยืนต้นตาย รัฐบาลลาวจึงได้กอบกู้เอาต้นมณีโคตรมาเก็บไว้ที่พิพิภัณฑ์เมืองโขง เพื่อให้ประชาชนศึกษาต่อไป