สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อต้นปี 2017 มีชายชาวไต้หวัน นายก่ง ได้ถูกนำตัวส่งมาที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในเขตนิวไทเป ,ไต้หวัน โดยแพทย์ บอกว่าหัวใจเขาหยุดเต้นมานานมากกว่า 1 ชั่วโมงแล้ว แต่สุดท้ายกลับฟื้นคืนชีพมาได้
ซึ่งเคสนี้ยังเป็นที่น่าสนใจของแพทย์ เพราะยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด เรื่องราวของเขาทำให้สำนักข่าวทุกช่องของไต้หวันต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
ตอนที่นายก่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลนั้นอวัยวะภายใน หัวใจ, ปอด, ไตล้มเหลวทั้งหมด อาการของเขาน่าเป็นห่วงอย่างมาก เข้าขั้นวิกฤตมาก หัวใจก็หยุดเต้นไปนานมากกว่า 1 ชั่วโมง ทีมแพทย์ต่างพากันสรุปว่าเคสนี้น่าจะช่วยไม่รอดแล้ว
ก่อนที่ญาติจะเซ็นหนังสือยินยอม ทีมแพทย์ แผนกอายุรกรรมหัวใจ ได้ใช้ ECMO เป็นขั้นตอนพิเศษที่จะช่วยแทนที่การทำงานของหัวใจและปอดในเวลาที่อวัยวะอ่อนแอเกินไปที่จะทำงานอย่างถูกต้อง ECMO นั้นไม่ได้ทำหน้าที่รักษาแต่ช่วยให้อวัยวะเหล่านี้ได้พักผ่อน
เพื่อทำการผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจ หลังการผ่าตัดนายก่งยังไม่พ้นขีดอันตราย แพทย์ได้ใส่ECMO ให้ทำงานแทนอวัยวะภายใน 1 อาทิตย์
เส้นเลือดหัวใจของเขาไม่ดีขึ้น ไม่เพียงแค่หัวใจเท่านั้น แม้แต่เส้นเลือดในสมองก็ยังอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมาก ในสถานการณ์แบบนี้ ถึงแม้จะช่วยกลับมาได้ก็ไม่
คิดว่าจะมีชีวิตอยู่รอดได้นาน หมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ และค่อยมาตามนัดตรวจครั้งต่อไป
แต่เมื่อถึงเวลานัด ทีมแพทย์ตกใจมาก เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาในโรงพยาบาลเหมือนอย่างคนปกติ ไม่มีอาการข้างเคียงอะไรเลย
โดยทั่วไปแล้ว หากผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นเดิน 30 นาทีก็จะประกาศว่าไม่สามารถช่วยชีวิตได้แล้ว เพราะถึงแม้จะช่วยกลับมาได้ 90%ก็ต้องกลายเป็นอัมพาตนอนอยู่กับเตียงเท่านั้น
นายก่งทำให้ทีมแพทย์ถึงกับประหลาดใจมาก เพราะตอนที่เขาถูกส่งตัวมานั้นอาการน่าเป็นห่วงอย่างมาก แต่ดูเขาในวันนี้ เขาดูแข็งแรงเป็นปกติมาก ทีมแพทย์และพยาบาลต่างดีใจเป็นอย่างมากและซื้อเค้กเพื่อฉลองให้กับเขา
นายก่งบอกว่า "รู้สึกขอบคุณอาจารย์ของเขาและเพื่อนๆ ครอบครัวเป็นอย่างมากที่ให้กำลังใจเขาตลอดเวลาที่นอนไม่รู้สึกตัวอยู่ที่เตียง พวกเขาให้พลังและกำลังใจกับผม ทำให้ผมสามารถฟื้นขึ้นมาเดินได้อีกครั้ง หลังจากฟื้นขึ้นมาแล้ว มันทำให้ผมเคร่งในหลักคำเชื่อมากขึ้น"
เขายังบอกอีกว่า "พลังอำนาจของมนุษย์มีผลกระทบต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ภายใต้กำลังใจของครอบครัว ทำให้ผมมีความคิดที่แข็งแกร่งว่า ผมจะต้องกลับบ้านให้ได้"
ภรรยาของเขาบอกว่า "ในช่วงนั้นทุกข์ทรมานมาก เพราะไม่รู้ว่าสามีจะกลับมาเหมือนเดิมไหม และจะออกจากห้องฉุกเฉินICUได้หรือไม่? ทำให้พยายามที่จะดิ้นรนหาวิธีที่จะรักษาเขาให้ได้"
หลังจากที่นายก่งออกจากห้องฉุกเฉินICU ตอนนั้นเขาสามารถลงจากเตียงได้บ้าง ภรรยาก็เริ่มฝึกท่าออกกำลังกาย ทั้ง 5 ของฝ่าหลุนต้าฝ่า (หรือฝ่าหลุนกง) เธอบอกว่ามันช่วยให้ร่างกายของเธอดีขึ้นมาก เธอจึงสอนสามีออกกำลังกายด้วยและแล้วสุขภาพของสามีก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆจนน่าอัศจรรย์
ชมคลิป
ในงานแถลงข่าวอาการของเขา นายก่งได้สาธิตท่าออกกำลังกายของฝ่าหลุนกงให้ดูอีกด้วย