กำลังเป็นเรื่องทื่บรรดาชาวเน็ตต่างก็ให้ความสนใจและวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นเลยกับการผิดพลาดกับการรักษาที่เป็นเรื่องที่เลวร้ายถึงที่สุด โดยเรื่องนี้ถูกโพสต์ผ่านเฟซบุ๊คชื่อว่า คุณวรพัทธ์ สุพลนพนันท์ โดยเขาได้เล่าเหตุการณ์ที่ต้องจดจำไปตลอดชีวิตเรื่องนี้ว่า ..
ฝากแชร์เป็นอุทาหรณ์น่ะครับ
#ตกบันได1ขั้นขาแพลงเชื่อมั๊ย รพ.เอกชนชื่อดังระดับต้นๆของประเทศรักษาจนต้องตัดขา
1.ที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังย่านถนนเพชนบุรี
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2558 ผมได้เดินทางมารักษาที่ โรงพยาบาลเอกชนเกรดเอชื่อดัง วันที่ไปให้การรักษาจากทางโรงพยาบาลว่าตกบันไดเจ็บเท้าซ้าย ได้ขับรถมารับการรักษาด้วยตนเอง ทางแพทย์ได้ตรวจและ X-RAY วินิจฉัยว่าไม่เป็นอะไรปกติดี น่าจะกล้ามเนื้ออักเสบ
หลังจากนั้นทางแพทย์เลยทำการใส่เฝือกให้ และให้ Admid ในคืนนั้นเลย
#เช้าวันที่27ตุลาคม2558 ทางผมเองเกิดอาการเจ็บเท้ามากกว่าเดิมจึงแจ้งทางคุณพยาบาล ซึ่งแพทย์จากโรงพยาบาลดังกล่าว จึงมาดูที่เฝือกและทำการขยายเฝือกออกให้ ซึ่งในขณะนั้นนิ้วเท้าของผมเริ่มมีสีเขียวช้ำและคล้ำเป็นจุดๆหลังจากนั้น ทางโรงพยาบาลได้เปลี่ยนแพทย์คนใหม่มาทำการดูแล และนำผมไป X-RAYและ MRI วินิจฉัยออกมาว่าเอ็นฉีกพร้อมกับทำการรักษาอีกครั้งโดยการเข้าเฝือกให้ใหม่และแน่นกว่าเดิม ในคืนนั้นทั้งคืนผมบ่นว่าปวดตลอดเวลาซึ่งผมปวดจนน้ำตาไหลและนอนไม่ได้เลย พยาบาลเองก้อฉีดยาแก้ปวดให้ตลอดทั้งคืนแต่ก้อยังไม่ทุเลาลงเลย และผมเริ่มรู้สึกว่านิ้วเท้าข้างซ้ายเริ่มชาและมีรอยเขียวช้ำมากกว่าเดิม และแพทย์ก็ได้ทำการขยายเฝือกอีกรอบ ในวันนั้นทางแพทย์ก็สั่งให้ผมกลับบ้านได้ทั้งๆที่ผมบ่นว่าเจ็บเท้าอยู่และนัดมาผ่าเฝือกออกและนัดให้วันที่ 16 พฤศจิกายน 2558 (แพทย์ให้กลับบ้านได้ในคืนวันที่ 4 ของการรักษา) #คือผมนอนโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังอยู่3คืน เสียค่าใช่จ่าย94,000 ซึ่งไม่น้อยเลยสำหรับผมกับการรักษาของอาการขาแพลงจากการตกบันไดขั้นเดียว
ผมได้กลับไปนอนรักษาตัวที่บ้านคืนแรกผมมีอาการเจ็บเท้ามากและคิดเอาเองเลยคิดเอาว่าเอ็นฉีกน่าจะเจ็บแบบนี้ พอมาคืนที่ 2 เริ่มไม่ไหวก็เลยรีบมาโรงพยาบาลดังกล่าวอีกครั้ง เพราะผมเจ็บมากทนไม่ไหวแล้ว
#วันที่31ตุลาคม2558
ผมได้แจ้งอาการกับทางโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังนั้น ทางแพทย์ได้ทำการผ่าเฝือกดู แล้วแพทย์เจ้าของไข้ก็มอบหมายให้แพทย์เกี่ยวกับเส้นเลือดโดยตรงมาตรวจอาการ แพทย์ได้สั่งให้ไปฉีดสีซึ่งมีค่าใช้จ่ายอีก20,000บาท และผลของการฉีดสีแพทย์ได้วินิจฉัยแล้วได้แจ้งกับผมว่าเลือดที่ปลายเท้าได้แข็งตัวไปแล้วซึ่งทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงปลายเท้าและต้องทำการผ่าตัดด่วน ภายใน4ชั่วโมง ทางโรงพยาบาลเอกชนแห่งนั้นแจ้งมาให้ผมทราบ และมีค่าใช้จ่ายประมาณ 4 แสนบาท ผมจึงโทรหาญาติว่ามีค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดจำนวนนั้น และได้เล่ารายละเอียดของการรักษาของโรงพยาบาลแห่งนี้ให้บรรดาญาติๆฟังได้ไตร่ตรองการรักษาของที่นี่อย่างถ้วนถี่แล้วว่าน่าจะเกี่ยวกับการเข้าเฝือกแน่นเกินไปของทางโรงพยาบาล ซึ่งทางรพ.ก็จะให้ชำระค่าใช้จ่ายของการผ่าตัด ณ เวลานั้น ขณะที่ต้องตัดสินใจทำการผ่าตัดนั้นตรงกับวันอาทิตย์พอดี ซึ่งรพ.แห่งนั้นคงคิดว่าผมคงหาแพทย์และโรงพยาบาลไม่ได้มั้ง
ทางผมและญาติจึงขอแจ้งย้ายโรงพยาบาลเพื่อจะนำไปทำการผ่าตัดที่โรงพยาบาลอื่นเพราะค่าใช้จ่ายแพงเกินไปและได้ดำเนินการหารพ.ใหม่และไปได้ที่ โรงพยาบาลศิริราชและติดต่อกับโรงพยาบาลศิริราชไว้เรียบร้อยแล้ว ทางโรงพยาบาลชื่อดังกลับบอกว่าทางโรงพยาบาลจะขอทำการรักษาและผ่าตัดเอง ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดทางโรงพยาบาลจะรับผิดชอบไม่คิดค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด400,000 บาท และได้ผ่าตัดเวลา 23.00 น.ของวันนั้น [งงเหมือนกันว่าไหนบอกผ่าตัดด่วนภายใน4ชั่วโมง]ผมและญาติเลยตัดสินใจให้ทางโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังทำการผ่าตัด เพราะทางแพทย์แจ้งว่าผ่าตัดแล้วใช้เวลาแค่ 1 อาทิตย์ก็จะหายทาง ซึ่งรพ.เป็นผู้แจ้งกับผมเอง
พอเช้าวันรุ่งหลังการผ่าตัดคุณหมอเข้ามาคุยกับผมว่าต้องทำการตัดขาทิ้งเซลล์ตรงเนื้อเท้าเสีย ผมร้องไห้หนักมากเพราะไม่คิดว่าจะได้รับชะตากรรมแบบนี้ ผมโทรมาหาญาติบอกว่าทางโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังจะให้ตัดขาเพราะเลือดไม่ไปเลี้ยงที่เท้า ทำไมแพทย์ถึงบอกคนไข้ตรง ณ เดี๋ยวนั้นโดยที่ยังไม่บอกญาติ
ทางญาติเลยจะขอย้ายโรงพยาบาลอีกครั้งติดต่อทำเรื่องตั้งแต่ 09.00 น.เช้าวันนั้น แต่ทางโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังยื้อเวลาไว้ไม่ยอมทำเรื่องให้ย้ายจนทางญาติต้องโวยวายเพื่อขอย้าย เพราะทางญาติไม่มั่นใจในวิธีการรักษาของโรงพยาบาล
จนวันนั้นได้ย้ายโรงพยาบาลเวลา 17.00 น.(ทำเรื่องนานมาก ไม่ยอมส่งเรื่องให้โรงพยาบาลศิริราช)
#วันอาทิตย์ที่1พฤศจิกายน2558
2.ที่โรงพยาบาลศิริราช
ได้ทำการรักษาเบื้องต้นรอทำการผ่าตัดในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 2 พฤศจิกายน 2558 )ทำการผ่าตัดครั้งที่ 1 เวลา 09.00 -17.00 น.แล้วรอดูอาการ
หลังจากนั่นประมาณ 2-3 วันอาการไม่ดีขึ้น นัดผ่าตัดครั้งที่ 2 เพื่อตัดเท้าที่เสียออกครึ่งหนึ่ง แล้ว รอดูอาการ [ขอบอกเลยเจ็บมากเกือบตาย]
เนื่องจากแพทย์ที่นี่ยังไม่อยากให้ตัดถึงขาเลยพยายามตัดทีละน้อยเผื่อมีส่วนที่ใช้ได้อยู่
หลังจากนั้นประมาณ 1-2 วันอาการยังไม่ดีขึ้น จึงผ่าตัดครั้งที่ 3 เพื่อตัดเท้าออกส่วนที่เหลือและเหลือตรงส้นเท้าไว้นิดเดียว แล้วรอดูอาการ
หลังจากนั้นอาการไม่ดีขึ้น 1-2 วัน จึงผ่าตัดครั้งที่ 4เพื่อตัดชิ้นเนื้อที่เสียออกอีก แล้วรอดูอาการ ตอนนี้ปมนอนดูอาการยังไม่แน่ใจว่าจะหายเมื่อไหร่ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2558 นัดผ่าตัดอีกรอบ เพราะตอนนี้ผมมีไข้สูงทุกวันและเป็นไข้ตลอดเวลาประมาน39-40องศาคือต้มไขสุกเลยน่ะ
สุดท้ายทางโรงพยาบาลศิริราชได้ตัดแค่ครึ่งเท้าครับ [ซึ่งทางโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแจ้งว่าตัดขา] จากนั้นวันที่26 พฤศจิกายน 2558. ทางรพ. ศิริราชจึงให้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านแล้วก็ต้องล้างแผลทุกวัน. นัดตรวจเป็นประจำ
#หมายเหตุ ; เมื่อประมาณวันที่ 13 พฤศจิกายน ทีทางโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังได้โทรมาแจ้งคนไข้ให้ไปผ่าเฝือกวันที่ 16 นี้ ไม่ทราบว่าระบบของทางโรงพยาบาลเอกชนจะห่วยขนาดนั้นเลยเหรอถึงไม่รู้ว่าคนไข้อยู่ในอาการขั้นไหนแล้ว
****ซึ่งทางโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังไม่ติดต่อมาสอบถามอาการเลยจนถึงปัจจุบัน ซึ่งอยู่ดีๆผมการเป็นคนที่ต้องถูกตัดเท้าทิ้งไม่ใช่พิการก้อเหมือน สูญเสียงานและอนาคตที่ต้องดูแลครอบครัว โดยที่ทาง รพ.ได้เรียกผมไปคุยวันนี้ ซึ่งผมคิดว่าทาง รพ.เอกชนจะแสดงความเสียใจที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้แต่เปล่าเลย กลับบอกว่า เค้าไม่ผิด และที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้คือความจริง มีหลักฐานและพยานรู้เห็นเพียบ ผมทำอะไรผิด
#เพื่อนๆคิดว่าควรทำไงดีครับครับ!!