เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ต่างประเทศได้นำเสนอเรื่องราวของชาวเน็ตท่านหนึ่ง โดยเรื่องราวมีอยู่ว่า.. มีแม่ม่ายคนหนึ่ง ตอนกลางวันก็ไปทำงานเป็นคนรับใช้ในบ้านเศรษฐี ตกค่ำก็กลับบ้านมาหาลูกชายวัย 4 ขวบ เมื่อเจ้าของบ้านรู้สถานะทางครอบครัวของหญิงรับใช้ ก็เลยหาห้องว่างสำหรับเธอและลูกอยู่ แล้วบอกว่า ให้ไปรับลูกมาอยู่ด้วยกันซะที่นี่ จากนี้ต่อไปก็กินอยู่ที่บ้านฉันเนี่ยแหล่ะ ฟรีหมดทุกอบ่าง ไม่หักเงินเดือนเธอด้วย
แม่เลี้ยงเดี่ยวเป็นคนใช้บ้านเศรษฐี วันนึงเศรษฐีบอกให้เธอพาลูกมาบ้านได้ แล้วความคิดลูกก็เปลี่ยนไป!
หญิงรับใช้กล่าวขอบคุณ แต่ปฏิเสธไป บอกว่าไม่อยากรบกวน เจ้าของบ้านได้ยินก็ปล่อยผ่านไป จริงๆ แล้วเป็นเพราะหญิงรับใช้กังวลใจ บ้านของเจ้าของบ้านใหญ่โต แค่ห้องน้ำอย่างเดียวก็มีสิบกว่าห้อง ห้องน้ำที่เล็กที่สุด ยังใหญ่กว่าบ้านของเธอ เธอไม่รู้ว่าความแตกต่างอย่างมากระหว่างความรวยกับความจน จะส่งผลอย่างไรบ้างกับเด็กชายอายุ 4 ขวบ
อยู่มาวันหนึ่ง เจ้าของบ้านจะเชิญแขกมาที่บ้านจำนวนมาก คนงานจำนวนไม่พอ ก็เลยต้องการให้หญิงรับใช้กลับบ้านดึกสักหน่อย เพราะขาดคนช่วยงาน จะไปหาตอนนี้ก็หาไม่ทัน ก็เลยต้องขอร้องเธอ หญิงรับใช้บอกว่า ได้ค่ะ แต่แค่เป็นห่วงลูกชาย แกไม่เห็นแม่ตอนกลางคืนจะกลัว
เจ้าของบ้านบอกว่า ไม่เห็นยาก ตอนนี้ก็ไปรับลูกมาที่นี่เลย กินข้าวเย็นที่นี่กับแขกก็ได้ ตอนที่หญิงรับใช้ไปรับลูกชายมาถึง แขกกำลังทยอยกันเข้ามาในบ้าน เธอไม่ได้พาลูกเข้าทางประตูหน้าบ้าน แต่เลือกใช้ประตูข้าง แล้วก็เอาลูกไปซ่อนไว้ในห้องน้ำที่แขกไม่น่าจะมาใช้ เธอหยิบจานจากในครัว เอาไส้กรอกและขนมปังออกมาจากในกระเป๋า นี่เป็นอาการที่เธอซื้อมาเป็นอาหารเย็นให้ลูกระหว่างทางกลับบ้าน
เด็กน้อยไม่เคยเห็นบ้านหลังใหญ่โตมหึมาขนาดนี้มาก่อน เขาไม่รู้จักชักโครก ไม่เคยเห็นหินอ่อนสีสันสวยงาม แจกันขวดคริสตัลใส กลิ่นหอมในห้องทำให้เขามีความสุขจนเกือบจะเป็นลม หญิงรับใช้บอกลูกชายว่า แม่พาหนูมางานปาร์ตี้ หนูเป็นเด็ก กินอาหารร่วมกับผู้ใหญ่ไม่ได้ นี่เป็นห้องพิเศษที่จัดไว้ให้เด็กโดยเฉพาะ
เด็กชายอยากเอาจานอาหารไปวางไว้บนเค้าท์เตอร์อ่างล้างหน้า แต่ตัวเขาเตี้ยไป เอื้อมไม่ถึง ก็เอาต้องเอาไปวางบนฝาชักโครก เขานั่งลงบนพื้นแสนสวย แล้วก็กินอาหารที่นานๆได้กินทีไป ร้องเพลงไป
ไม่นาน เจ้าของบ้านก็สังเกตดูว่าไม่มีเด็กชายอยู่ในห้องจัดเลี้ยงแสนงดงาม ก็เลยไปถามสาวใช้ เธออ้ำๆอึ้งๆตอบว่า เธอยุ่ง ไม่มีเวลาดูแลลูก แกน่าจะ....น่าจะ...ไปวิ่งเล่นอยู่ที่สนาม
ดูเหมือนว่าเจ้าของบ้านจะเข้าใจอะไรแล้ว เขาเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงหรูหรา แล้วเดินไปเปิดห้องต่างๆทุกห้องดู แล้วในที่สุดในห้องน้ำเล็กๆตรงมุมที่ไม่ค่อยมีใครสังเกต เขาก็เจอเด็กชาย
เจ้าของบ้านถาม หนูทำไมมากินอาหารที่นี่ล่ะ หนูรู้มั้ยว่าที่นี่คือห้องอะไร? เด็กชายตอบ แม่บอกว่า นี่เป็นห้องที่เจ้าของบ้านจัดไว้ให้เขาเป็นพิเศษ ไส้กรอกวันนี้ก็อร่อยมาก ผมไม่ได้กินมานานมากแล้ว คุณเป็นใคร ไส้กรอกอร่อยขนาดนี้ผมจะเก็บไว้กินคนเดียวก็กระไรอยู่ คุณจะยอมกินเป็นเพื่อนผมที่นี่มั้ย?
เจ้าของบ้านกลั้นน้ำตา พยักหน้า แล้วมอบรอยยิ้มที่สดใสที่สุดให้เด็กน้อย เขาไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีกแล้ว แล้วตอนนั้นเอง เขาก็คิดถึงตอนที่พ่อแม่เพิ่งมาถึงนิวยอร์ก ตอนนั้นพวกท่านจนและลำบากมาก เมื่อกลับมาถึงห้องจัดเลี้ยง เจ้าของบ้านก็บอกแขกทุกคนว่า ขอโทษด้วยจริงๆ ตอนนี้ผมจำเป็นต้องไปรับประทานอาหารเป็นเพื่อนแขกพิเศษคนนึง ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับอาหารเย็น ผมไม่สามารถร่วมรับประทานด้วยได้ พูดจบ เขาก็ตักอาหารที่เด็กๆชอบกินใส่จานใบใหญ่สองจานเต็มๆ แล้วก็ถือไปที่ห้องน้ำ เขาเลียนแบบเด็กน้อย เอาจานอาหารวางบนชักโครก แล้วนั่งลงบนพื้น จากนั้นก็บอกเด็กชายว่า อาการอร่อยขนาดนี้ กินคนเดียวน่าสงสาร มาๆๆ มากินด้วยกัน
เจ้าของบ้านกินอาหารเย็นกับเด็กชายไป ร้องเพลงไป และยังคุยกันมากมายหลายเรื่อง เขาทำให้เด็กชาย 4 ขวบเชื่อว่า แม่ของเขาดีที่สุดในโลก หนูต้องภูมิใจในตัวแม่ โตแล้วก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อแม่ จนถึงตอนนี้เด็กชายก็ยังไม่รู้ว่าแม่ของเขาเป็นคนรับใช้ หลังจากแขกเห็นว่าเจ้าของบ้านถืออาหารไปสองจานแล้วไม่เดินกลับมาอีกเลย รู้สึกว่าแปลกๆ ก็เลยออกตามหา พอพวกเขาเห็นชายสองวัยที่เหมือนพ่อลูกนั่งกันอยู่บนพื้น แถมเอาอาหารวางบนชักโครกก็ตกใจมาก
คนพวกนี้เรียกได้ว่าเป็นคนชั้นสูงทางสังคม ต่างคนต่างถือแก้วไวน์เดินมาดู จนห้องแทบเต็ม ทุกคนช่วยกันร้องเพลงให้เด็กชายฟัง เป็นการแสดงความปรารถนาดี สิ่งเหล่านี้ทำให้เด็กชายเชื่อว่าแม่ของเขาเป็นแม่ที่น่าเคารพนับถือ ส่วนเขาก็เป็นเด็กที่โชคดีที่สุดในโลก
หลายปีหลังจากนั้น เด็กชายก็โตเป็นผู้ใหญ่ เขาไม่เพียงมีอาชีพการงานเป็นของตัวเอง ยังซื้อบ้านที่มีห้องน้ำหลายห้องได้เอง และพาตัวเองเข้าไปสู่สังคมชั้นสูง ทุกปี เขาจะบริจาคเงินจำนวนมากให้กับคนยากจนโดยไม่ระบุชื่อ เขามักจะบอกเพื่อนๆเสมอว่า หลายปีก่อนตอนที่เขายังเด็กมีวันนึงที่เขาไม่เคยลืม มีเศรษฐีคนนึงและเพื่อนของเขาอีกมากมาย ทำให้เด็ก 4 ขวบคนหนึ่งรู้สึกมีเกียรติและเป็นที่ยอมรับในสังคมอย่างจริงใจ
"แม่ครับ เย็นนี้มีอะไรกินบ้าง"
"แม่คะ หนูออกไปเที่ยวกับเพื่อนนะ"
"แม่ครับ หิวแล้ว"
ส่วนกับพ่อ คำพูดที่พูดด้วยมากที่สุดก็คือ "พ่อ แม่อยู่ไหน?"
พวกเรามีแม่แค่คนเดียว ปีนึงผ่านไปแม่มีผมขาวมากขึ้นกว่าปีที่แล้วมาก ขอให้คุณแม่ของทุกคนมีความสุข สุขภาพแข็งแรง!
พวกเรามีแม่แค่คนเดียว ทำไมจะไม่รักท่าน!
ที่มา liekr