เมื่อสถานที่ที่คุ้นเคย กลายเป็นที่ที่ "เคยคุ้น"
คุณ คงจะอยู่ผิดที่
เพราะมันเป็นเวลาของผี !!! ไม่ใช่คน !!!
งานของฉันนะเหรอ...? Call Center ไง ตอบคำถามลูกค้าเกี่ยวกับสินเชื่อของบริษัท ตั้งแต่แนะนำการสมัคร ตรวจสอบผลการสมัครว่าจะผ่านมั๊ย ผ่านแล้วได้สินเชื่อเท่าไร คิดดอกเบี้ยยังไง ต้องจ่ายเมื่อไร ที่ไหน วิธีไหน ค่าปรับยังไง โอ๊ย...!!! นู่นนี่นั่น สารพัดเยอะแยะแป๊ะขายขวด หลายครั้งยังโดนด่าฟรี งานนี้มันเครียดนะต้องนั่งพูดๆๆ วันละแปดเก้าชั่วโมงเนี่ย เพราะฉะนั้นยามพักฉันก็อยากให้สมองได้ผ่อนคลายมากที่สุดบ้างอะไรบ้าง แต่ยามทำงานฉันก็ทำเต็มที่ไม่มีเกี่ยงนะจะบอกให้ work hard play hard นั่นคือความคิดของฉัน
11.38 น.
ฉัน scan ลายนิ้วมือเพื่อเข้างาน อะๆๆๆ อย่างเพิ่งตกใจคิดว่ามาทำงานสายนะจ๊ะ ระดับฉันไม่เคยสาย เดือนนี้ต้องเข้ากะบ่ายจ้า เข้างานเที่ยงตรงเลิกอีกทีสามทุ่ม ลูกค้าโทรมาแทบทั้งวันทั้งคืน บริษัทก็จัด Call center รับสายลูกค้าตั้งแต่ หกโมงเช้ายันสามทุ่ม แต่เมื่อสองเดือนที่ผ่านมามีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น บริษัทก็เลยขยายเวลาการให้บริการของ Call center ไปถึงเที่ยงคืน พนักงานที่รับเพิ่มก็ยังได้ไม่ครบ ไอ้ที่รับมาแล้วก็ยังฝึกกันไม่เสร็จ ช่วงนี้คนเก่าๆ ก็ต้องสลับกันทำงานช่วงกะดึกไปก่อนจนกว่าทีมจะพร้อม หลังจากแสกนลายนิ้วมือ ฉันก็พาร่างกายที่พะรุงพะรังด้วยของฝาก กระเป๋าถือ และเสบียงที่ต้องใช้ระหว่างทำงานเข้ามาในลิฟท์ ฝากผู้ชายหนึ่งในสามสี่คนในนั้นช่วยกดลิฟท์ไปที่ชั้น 14 ซึ่งเป็น Office ของส่วนงานสินเชื่อ
ชั้นนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน คือด้านซ้ายซึ่งเป็นของส่วน call center สินเชื่อที่ฉันทำงาน และด้านขวาซึ่งเป็นส่วนติดตามทวงหนี้ซึ่งพวกเราเรียกว่า ฝ่าย collection ซึ่งอยู่ติดๆกันกับฝ่ายขายสินเชื่อผ่านโทรศัพท์ แต่ละด้านมีประตูกระจกระบบอัตโนมัติ คือต้องทาบบัตรพนักงานจึงจะเปิดประตูเข้าไปได้ ติดกับลิฟท์เป็นห้องน้ำชายหญิงของพนักงานทั้งชั้น
ตึกนี้ไม่มีชั้น 13 นะ เป็นความเชื่อของเจ้าของตึก มีชั้น 12 แล้วก็ไปชั้น 14 เลย แต่อันที่จริงชั้นที่ 14 ซึ่งตอนนี้ประตูลิฟท์เปิดออกแล้ว มันก็คือชั้นที่ 13 นั่นแหละ !!!
ก่อนเริ่มงานฉันเอาของฝากที่ซื้อมาไปให้กับหัวหน้าและเพื่อนๆ ระหว่างนั้นเอง "พี่อ้อย" หัวหน้างานก็เรียกเข้าไปคุย หลังจากถามไถ่เกี่ยวกับการไปเที่ยวมา หัวหน้างานวัยเลยสามสิบก็เอ่ยขึ้นว่า
"ส้ม วันนี้ส้มเข้าเที่ยงเลิกสามทุ่มใช่มั๊ย ?"
ข้อมูลนี้หัวหน้ารู้อยู่แล้ว เขาไม่ได้ต้องการคำตอบเพียงแต่เป็นการเปิดประเด็นเท่านั้น
"ค่ะ"
"วันนี้เชอร์รี่ลาป่วย พี่เลยอยากถามส้มว่า อยู่ถึงเที่ยงคืนได้ไหม รับ OT เพิ่มอีกสามชั่วโมง อีกอย่างทีมที่เลิกสี่ทุ่มกับห้าทุ่มยังไม่มา พี่เลยถามเราก่อน ถ้าไม่สะดวกพี่จะถามกลุ่มนั้นอีกที" หัวหน้ายังเปิดโอกาสให้เลือก
ฉันยังไม่ตัดสินใจ แต่ถามต่อ "แล้วต้องอยู่กับใครคะ"
"กับโคโค่ ไม่เกินบ่ายสามเดี๋ยวก็มา"
"ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา" ฉันตอบพร้อมรอยยิ้มเต็มใจ เพราะนังโคโค่คนนี้สนิทกัน มีเรื่องอยากเมาส์มอยหลายเรื่อง
อ่อจริงๆ เธอชื่อ ณัฐพงษ์ ชื่อเล่น "โคโค่นัท" อันนี้สงสัยตั้งเอง เพื่อนๆก็เลยเรียกกันสั้นๆว่าโคโค่ แล้วเหตุผลสำคัญอีกอย่างก็คือ ช่วงนี้ต้องสร้างผลงานความรับผิดชอบ เพราะได้ข่าวว่าจะมีการปรับตำแหน่งช่วงสิ้นปีนี้ซึ่งก็เหลืออีกไม่กี่เดือน ขืนขี้เกียจเดี๋ยวโอกาสจะหลุดลอย กะสุดท้ายคือเข้างานบ่ายสาม เลิกเที่ยงคืน ซึ่งเพื่อนร่วมงานกะอื่นๆจะทยอยกลับทุกๆ 1 ชั่วโมง จนเหลือชั่วโมงสุดท้ายนั่นคือห้าทุ่มถึงเที่ยงคืน ซึ่งเป็นช่วงที่ลูกค้าโทรเข้ามาน้อย บริษัทจึงจัดเจ้าหน้าที่ไว้รับสายเพียงสองคนเท่านั้น
11.56 น.
ฉันนั่งประจำที่เปิดสายเพื่อคุยกับลูกค้า ตามความเชื่อของอาชีพอย่างเรา ถ้าสายแรกที่รับลูกค้าคุยดี ไม่โดนลูกค้าโทรมาร้องเรียน ถือว่าวันนั้นเป็นวันดีทั้งวัน จะไม่มีเคสโหดๆ แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้ารับสายแรกแล้วเจอลูกค้าวีน วันนั้นซวยทั้งวันเช่นกัน....
"....ยินดีให้บริการค่ะ ...สวัสดีค่ะ" ฉันวางสายแรก ยิ้มอย่างสบายใจ ลูกค้าคนแรกของฉัน ผ่านไปด้วยดี....
หากแต่มันจะเป็นวันที่ดีจริงๆ สำหรับทุกเรื่องหรือไม่...!!!