"ความผิดพลาดในอดีตของผม มันเป็นเพราะห่างไกลการอบรมจิตใจตัวเองปล่อยกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลงครอบงำตัวเอง จนไม่สามารถควบคุมดูแลตัวเองได้ ถ้าเมื่อก่อนผมให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนาจิตใจ ชีวิตผมคงไม่ต้องมีชะตากรรมแบบนี้" คำกล่าวของ "หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ" อดีตนักโทษผู้เคยต้องโทษประหารในคดีสะเทือนขวัญฆ่าหั่นศพภรรยา
ซึ่งวันนี้ขอนำบทความจาก พระอาจารย์ไพศาลวิสาโล ซึ่งกล่าวถึงกรณีหมอวิสุทธิ์ ไว้ดังนี้ พวกเราอาจจะเคยได้ยินชื่อ "หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ" ซึ่งเคยถูกพิพากษาประหารชีวิตเพราะโดนข้อหาฆ่าภรรยา
ยังจำได้ไหม? หมอวิสุทธิ์ อดีตนักโทษประหาร คดีสะเทือนขวัญฆ่าหั่นศพภรรยา
หมอวิสุทธิ์เป็นศาสตราจารย์ ทางการแพทย์ที่จุฬาฯ เก่งมากในเรื่องของการทำเด็กหลอดแก้ว เป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย มีฐานะดี แต่ชีวิตที่รุ่งโรจน์ ต้องพลิกผันตกต่ำ กลายเป็นนักโทษประหารเพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาด มีปัญหาความรัก และแก้ปัญหาง่ายๆ ด้วยการฆ่าภรรยา ภายหลังได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษ ตอนนี้จึงออกมาจากคุกได้ เพราะโทษเบาบาง
เมื่อไม่นานมานี้ท่านได้ให้สัมภาษณ์สื่อไว้อย่างน่าสนใจมาก โดยเผยชีวิตเบื้องหลังกำแพงเรือนจำ กับชีวิตใหม่หลังก้าวผ่านคำว่านักโทษประหาร สู่การเรียนรู้ชีวิต จากโรงเรียนแห่งใหม่ที่ถูกเรียกว่า"เรือนจำ "
เมื่อได้ลองทบทวนตัวเองอย่างจริงจัง ก็ทำให้เขาได้รู้ว่าชีวิตก่อนหน้านี้ ตัวของเขาเป็นคนที่ประมาท ปล่อยให้ความโลภและ ความโกรธเข้าครอบงำจนไร้อิสระ ปล่อยให้อิทธิพลของลาภยศ คำสรรเสริญ เข้ามามีอำนาจเหนือตนเอง
แต่ในตอนนี้หลังจากที่ได้ทบทวนตัวเอง แม้ว่าจะต้องเสียสิ่งต่าง ๆ ไปมากมาย แต่เขากลับรู้สึกว่าตอนนี้เขา ได้เรียนรู้ตัวเองมากขึ้น ได้มองโลกในอีกมุมมองหนึ่ง มีการเจริญเติบโตของจิตวิญญาณ และมีความสุขจากการให้ เข้าใจคำว่าจิตอาสามากขึ้น จากรูปภาพที่เขาได้วาดในเรือนจำว่า ตัวของเขานั้นก็เปรียบเหมือนธุลีเล็ก ๆ ในโลกใบใหญ่ ไม่ได้ยิ่งใหญ่หรือสลักสำคัญอะไร หากเราหาความสุขได้จากการที่ตัวเองเป็นเพียงฝุ่นผง ความสุขนั้นก็จะอยู่กับเราอย่างยั่งยืน เมื่อก่อนเป็นคนมีอัตตา คิดว่าควบคุมทุกอย่างได้ ทำให้โกรธง่าย แต่ตอนนี้ตัวเองเป็นเพียงฝุ่นเล็ก ๆก็ไม่จำเป็นต้องโกรธใครแล้ว
เมื่อมองย้อนกลับไป เขาไม่ได้ตำหนิตัวเอง และกลับรู้สึกว่าเข้าใจความคิดอ่าน ของภรรยามากขึ้น ตัวเองไม่ติดใจอะไรแล้ว ไม่โกรธแค้นขุ่นเคือง รู้สึกให้อภัยภรรยา ให้อภัยแก่ตัวเอง และก็อยากให้ภรรยาอภัยให้เช่นกัน
อุทาหรณ์ที่ "หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ" ได้เรียนรู้จากโรงเรียนชีวิตแห่งนี้ก็คือมนุษย์เราควรจะต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิต ไม่ประมาท ต้องรู้สึกฝึกจิตตั้งแต่อายุน้อย ไม่จำเป็นต้องรอให้อายุมากแล้วจึงเข้าวัด ควรฝึกจิตอย่างประมาทให้กิเลส ความโลภ โกรธ หลง ครอบงำจิตใจ เพราะเมื่อไหร่ที่เราถูกครอบงำเราก็ทำผิดพลาดได้หากมองย้อนชีวิตที่ผ่านมาแล้ว เสียดายที่ทุ่มเทกับงานการจนละเลยเรื่องการปฏิบัติธรรม
แต่ก่อนในหัวมีแต่งาน ตำรา งานวิชาการ จึงไม่สนใจเรื่องของการฝึกจิตใจไม่ใส่ใจเรื่องการครองสติแต่ตอนนี้พบว่าการเจริญสติ การฝึกจิตใจ สำคัญกว่าวิชาความรู้เสียอีก ถ้าท่านรู้ความจริงข้อนี้ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มก็คงจะรีบปฏิบัติธรรมเสียตั้งแต่ตอนนั้น ไม่รอให้แก่ก่อน นี่เป็นข้อคิดที่น่าสนใจ ว่าสุดท้ายคนที่ประสบความสำเร็จวิชาทางโลกแล้ว กลับพบว่าวิชาทางโลกไม่สำคัญเท่ากับการปฏิบัติธรรมและการเจริญสติ นี่เป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับคนจำนวนมากที่มารู้ว่าวิชาชีวิตหรือการปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องสำคัญก็ต่อเมื่อพลั้งเผลอพลั้งพลาดไปแล้ว หมอวิสุทธิ์ยังโชคดีที่มีโอกาสแก้ตัว รอดชีวิตกลับมาปฏิบัติธรรม บางคนอาจจะไม่มีโอกาสแก้ตัว เพราะถูกประหารชีวิตไป หรือบางคนอาจจะทำบาปกรรมยิ่งกว่านั้น
ส่วนเราโชคดี ที่มีโอกาสให้เวลาใส่ใจกับเรื่องนี้ พวกเราส่วนใหญ่ยังไม่แก่ ยังหนุ่มยังสาว มีกำลังวังชาที่จะทำ ที่จะศึกษาเรื่องนี้ ก็ขอให้ทุ่มเทกับวิชาชีวิต แต่ก็อย่าไปละเลยวิชาทางโลก เพราะยังมีประโยชน์ในการช่วยเสริมงานของเรา หรือการปฏิบัติธรรมของเราได้ด้วย
ที่มา พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล โดยเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา หมอวิสุทธิ์ ได้บวช ณ วัดปทุมวนาราม เป็น "พระถิระปุญโญ"
ที่มา tnews