บทเรียนชีวิตจริง จาก13 ชีวิต #ทีมหมูป่า (มีคลิป)

ผู้ใช้ เฟ้ชบุ้ก Weena Limbrick หยิบยก บทเรียนชีวิตจริงจาก เรื่องราวของ 13 ชีวิต #ทีมหมูป่า ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย มาเปรียบเปรยกับคติธรรมทางพุทธ ได้อย่างน่าคิดตาม จนมีการแชร์ข้อเขียนนี้ในโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก

โดยเธอเขียนว่า

"สถานการณ์พิสูจน์คุณธรรม

เมื่อคืนลูกชายผู้เขียนชวนพูดคุย และสอบถามเกี่ยวกับเรื่องของเด็กๆและโค้ชรวม13ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำ ผู้เขียนเลยถือโอกาสเล่าเรื่องพระอรหันต์ที่ติดถ้ำประกอบให้ลูกฟัง อีกโยงใยเรื่องกรรมหรือการกระทำ ที่ส่งผลสืบเนื่องจากอดีตหลายภพหลายชาติ และโยงใยเรื่องการใช้ชีวิตในปัจจุบันขณะ ที่จะส่งผลถึงเรื่องในอนาคตให้ลูกไว้พิจารณาไตร่ตรอง

ผู้เขียนบอกลูกว่าการที่โค้ชท่านนี้ มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์พร้อมนั้น เพราะเคยบวชมาก่อน ปฎิบัติสมาธิภาวนามาก่อน อีกแกร่งมากทางกายภาพด้วยความเป็นนักกีฬา แต่อ่อนโยนมากข้างใน คือความเป็นนักธรรมผู้ปฏิบัติจริง ความอ่อนโยนอันมากมายของโค้ชท่านนี้ แสดงออกถึงตัวตน ว่าเป็นผู้ที่เข้มแข็งมาก เห็นได้จาก เมื่อเรื่องราวเปิดเผยสู่ภายนอก ถึงเหตุการณ์ต่างๆ ภาพข่าวที่ถ่ายทอดออกมาให้โลกได้รับรู้ โค้ขท่านนี้สามารถทรงกำลังใจให้ตนเอง และสามารถบอกวิธีการทำสมาธิเพื่อให้เด็กๆทรงกำลังใจได้อีกด้วย

ความเคยทำสมาธิมาก่อนย่อมทราบดีว่า การนั่งนิ่งๆนอนนิ่งๆนั้นจะชะลอขบวนการเผาผลาญ ของทุกๆระบบในร่างกายให้ช้าลงเป็นสมดุล. จึงส่งผลทำให้ร่างกายต้องการอาหารน้อยลง หรือไม่หิว หรือหิวน้อยลง

ส่วนกระบวนทางใจ เมื่อใจก็มีที่เกาะเกี่ยวไว้ ผลก็คือความคิดที่จะไปในทางอันเป็นอกุศล หรือเลวร้ายกว่าเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ ก็ลดน้อยลง เพราะใจเกาะอยู่กับสมาธินั่นเอง กายกับจิตทั้งสองส่วนที่โยงใยกัน ประคับประครองกัน จึงสามารถดำรงอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อนนัก

ที่น่ายกย่องมากคือเรื่องคุณธรรมภายในของโค้ชท่านนี้ คือทรงอารมณ์ อาการของพรหมวิหารสี่อย่างเพียบพร้อม คือเต็มไปด้วย"เมตตา"อาทร ปราศจากการอยากได้ตอบแทน รักผู้อื่นเสมอด้วยตนเอง

 มีความกรุณา"สงสารอยากสงเคราะห์อย่างเรื่องสละอาหาร

มี"มุทิตา"เต็มไปด้วยความยินดีอยากช่วยเหลือ มีความสดใสไม่หม่นหมองหมองของจิต เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่คาบเกี่ยวกับชีวิต

และที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือการทรงอารมณ์"อุเบกขา "วางเฉย สมเป็นผู้นำ สมเป็นบัณฑิต ไม่มีอาการสะทกสะท้าน หวั่นไหว อ่อนแอ เกิดขึ้นในสถานการณ์อันยากลำบากที่สุดจะคาดเดา

ผู้เขียนถามแบมว่าถ้าเกิดตัวเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ หรือแบบอื่นๆ ที่คาบเกี่ยวกับความเป็นหรือความตาย ถ้าไม่มีคนเข้าไปเจอ หรือถ้าหาเราไม่พบ เราจะทำอย่างไร ถ้าเราไม่มีโค้ชที่ประเสริฐแบบนี้ ที่เป็นทั้งครูเป็นทั้งเพื่อน สมตำแหน่งอันเรียกได้ว่าเป็น กัลยาณมิตรโดยแท้คอยอุ้มชูช่วยเหลือ

ถ้าเราไม่มีเครื่องเกาะเกี่ยวของจิต เราจะตายด้วยความหวาดหวั่น หวาดกลัวขนาดไหน เราจะเอาอะไรมาประกันชีวิตของเรา นอกจากคุณงามความดีเหล่านี้ นอกจาก ศีล สมาธิ ปัญญานี้ เด็กๆเหล่านั้นโชคดีนักที่มีครูท่านนี้เป็นทั้งโค้ชภายนอกอย่างเรื่องกีฬาฟุตบอล และช่างเป็นเรื่องที่วิเศษ ที่อบอุ่นอย่างมาก ที่เป็นโค้ชทางด้านจิตวิญญาณในขณะเดียวกัน

อ่านจากข่าวหลายๆสำนักที่สัมภาษณ์ผู้ปกครองของเด็กๆ ภายใต้การดูแลของโค้ชวัย25ปีผู้นี้ มีแต่เรื่องที่ชวนให้ซาบซึ้งใจ เพราะเห็นได้ว่าความประพฤติ ความปฏิบัติของโค้ชน่ายกย่องสรรเสริญมาก เห็นได้ว่าผู้ที่ปฏิบัติธรรมนั้นล้วนทำเหตุที่จะส่งผลดีให้เกิดขึ้นต่อทั้งตนเอง และต่อทั้งผู้อื่น ให้ผลดีทั้งในกาลนี้ และยังไม่ต้องกลัวในกาลอนาคตอีกด้วย อีกสถานการณ์ต่างๆล้วนพิสูจน์ บ่งบอกคุณธรรมของคนเราทุกๆคนเช่นกัน

เมื่อทุกอย่างดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตที่ต้องสัมพันธ์กัน เพราะยังไม่สิ้นสุดแห่งกองสังขารหรือขันธ์ห้า เด็กๆหรือแม้แต่โค้ช ยามหวนย้อนคิดเมื่อเติบโตต่อไป ย่อมทราบดีถึงเวลาในปัจจุบันขณะอันทรงคุณค่า อันวิเศษ แม้ยามต้องอยู่ท่ามกลางอาการผันผวนของโลก

อีกอย่างหนึ่งที่น่าขบคิด แม้เราจะวางใจคนอื่นจะไม่ทอดทิ้งเรา แต่เราก็ต้องรู้ช่วยตนเองก่อน วางชีวิตไว้ในกำมือของตนเองให้ได้ก่อน เมื่อยามเกิดภาวะวิกฤต คนอื่นถึงเขาจะก็ทำหน้าที่ของเขา ส่วนเราผู้รอรับความช่วยเหลือ ก็ต้องมีหน้าที่ดูแลตนเองให้ดีที่สุด เราก็ต้องต้องรู้ให้รอบในกระบวนกายและจิต จนมั่นใจว่าแม้คนอื่นอาจจะหาเราไม่พบอย่างในกรณีนี้ หรือกรณีไหนๆ แต่ถ้าเราเคยได้รับกรรมฐาน เคยฝึกอบรมภาวนา สมาธิเราจะวางกายวางจิต ได้ถูกต้องอย่างในเรื่องราวของโค้ชเอกกับเด็กๆทีมหมูป่าทีมนี้

คิดดูเล่นๆเราจะมีบุญมากมายมหาศาลอย่างเด็กๆและโค้ชท่านนี้หรือไม่ เมื่อเกิดภาวะคาบเกี่ยวกับความเป็นหรือความตายของเรา ที่มีพระเนตรพระกรรณของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินทอดมองเห็นให้ความสงเคราะห์ หรือมือของนักบวชในแทบทุกศาสนาก็ว่าได้ ที่กระทำกิจในศาสตร์ของตน เพื่อแผ่พลังเมตตาบารมีมาถึง อีกความช่วยเหลือจากนานาประเทศ หลากหลายสาขาอาชีพที่มาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ รวมดวงใจอีกหลายๆล้านดวงทั่วโลก ไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ ต่างส่งกำลังใจมาถึง ที่ตรงนี้ที่เดียว เป็นเรื่องอันอัศจรรย์ใจมาก เราจะมีบุญได้รับความช่วยเหลือมากมายมหาศาลขนาดนี้ไหม ถ้าเราไม่เคยทำกุศลอะไรไว้

วิบากกรรมเมื่อส่งผลล้วนรุนแรง หรือมากน้อยตามแต่เหตุ ไม่มีใครที่จะหลีกหนีกฏแห่งกรรมได้ เมื่อทำเหตุที่เดือดร้อนย่างใดอย่างหนึ่งไว้ก็รับผลแห่งวิบากกรรมที่เดือดร้อน ไม่ต่างกันกับ

กุศลกรรมในด้านดีที่คอยสนองเช่นกัน เรื่องของกรรมนั้น ซับซ้อนมาก ขอลูกจงพึงระมัดระวัง ผู้เขียนพูดจบพร้อมมองสบตาลูกชาย ที่เดินออกไปอย่างเงียบเชียบ ปนอาการครุ่นคิด ใคร่ครวญ..

วีนา ลิมบริค ๖:๐๗:๑๘"

ขอบคุณที่มาจาก FB Weena Limbrick