เราจะพบเห็นการช่วยเหลือปฐมพยาบาลด้วยความหวังดีเวลามีคนเป็นลมชัก โดยเอาสิ่งของต่างๆหรือแม้แต่นิ้วมือเข้าไปยัดหรืองัดปากคนที่กำลังชัก เหตุผลที่ทำกันอย่างนั้น คาดว่าเกิดจากมายาคติที่คิดกลัวไปเองว่า (1) คนชักจะกัดลิ้นตัวเองจนขาด หรือ (2) ลิ้นจะไปอุดจุกคอจนหายใจไม่ออก
มายาคตินี้อาจเกิดจากการฟังตามๆกันมา เห็นจากสื่อต่างๆ หรือหนังสือที่เขียนไม่ถูกต้อง หรือแม้แต่คิดขึ้นมาเอง เราฝังอยู่ในใจว่าคนชักต้องเอาของงัดเข้าในปากทันที แต่เราลองถามใจตัวเองก่อนว่า เคยได้ยินได้เห็นใครที่ชักแล้วกัดลิ้นตัวเองขาดมาก่อนไหม ?เคยมีญาติพี่น้องหรือคนข้างบ้านเป็นแบบนั้นหรือไม่?
โอเคว่าคนชักบางคนจะกัดลิ้นตัวเองจริง ยิ่งถ้าเราเคยเห็นฉากที่คนชักบางคนกำลังกัดลิ้น มีเลือดออกจากลิ้น ยิ่งประทับภาพความกลัวนั้นลงไปในใจอีก แต่ในทางการแพทย์แทบไม่เคยมีรายงานผู้ป่วยมาหาแพทย์ด้วยลิ้นขาดหรือแผลเหวอะหวะ รุนแรงจากการชักเลย นั่นอาจเป็นเพราะการกัดขณะชักไม่ได้ลงแรงลงไปมากแบบตอนตื่นตั้งใจกัด และ ลิ้นจริงๆแล้วไม่ใช่เนื้อนิ่มๆอย่างที่คนคิด แต่เป็นกล้ามเนื้อที่มีความหนาและแข็งแรงมากไม่ใช่จะขาดง่ายๆ เช่น การศึกษาหนึ่งในคนที่ชักจริง ประมาณ 77 คน พบมีรอยแผลบนลิ้น 8 คน โดยแผลนั้นเป็นแค่รอยแผลฉีกข้างลิ้น
ทุกแนวทางเวชปฏิบัติทั้งของไทยและของเมืองนอกในการปฐมพยาบาลคนเป็นลมชักพูดเหมือนกันคือ "คนที่เป็นชักจะไม่มีทางกลืนลิ้นตนเองลงไปจุกคอ หรือกัดลิ้นตัวเองจนขาด ดังนั้นห้ามเอาสิ่งของต่างๆไปกดลิ้นหรือยัดเข้าไปในปาก"
#ความหวังดีอยากช่วยเหลือแต่ทำผิดวิธีอาจยิ่งส่งผลร้าย สิ่งของที่เข้าไปอุดบางทีใหญ่จนอุดทางเดินหายใจคนไข้ , บางทีขาด แตกหัก เศษลงไปอุดหลอดลม , บางทีคนไข้กัดสิ่งของนั้นจนฟันบิ่น ฟันหัก หรือแม้แต่ฟันหลุดลงไปอุดหลอดลม
บอกต่อกันเถิดว่าอย่าทำ อย่าเอาอะไรไปอุดปากคนกำลังชักต่อไปอีกเลยครับ เวลาแพทย์เห็นคนพาคนที่ชักมาโรงพยาบาลพร้อมกับมีอะไรคาอยู่ในปากแล้วมันสยองมากต้องรีบดึงออกจากปากมาดูว่าเกิดแผลหรืออันตรายอะไรจากสิ่งของนั้นรึเปล่า