ของจริงมาแล้ว!‘อัจฉริยะ’นัดแห่ศพบุกร.พ. เหตุไม่รักษาสาวโดนสาดน้ำกรดจนตาย

เป็นอีกเหตุการณ์น่าเศร้าสลดใจในสังคม เมื่อเพจ ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหญิงคนหนึ่งซึ่งถูกสามีของตัวเอง สาดน้ำกรด จากสาเหตุหึงหวง ก่อนน้องสาวนำตัวมาส่งโรงพยาบาลชื่อดัง แต่โรงพยาบาลปฏิเสธและให้ไปรักษาโรงพยาบาลอื่น จนสุดท้ายหญิงคนดังกล่าวได้เสียชีวิต

โดยเพจ ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ระบุว่า "จากเหตุการณ์ที่น.ส.ช่อลัดดา ซึ่งเชื่อว่าถูกนายคำตัน สามี สาดน้ำกรด ที่ใบหน้า เพราะความหึงหวง แล้วได้หลบหนีไป น.ส.ช่อลัดดา ต้องกัดฟันทนพิษบาดแผล ประคองตัวเองให้น้องเต ลูกสาว วัยเพียง 12 ปี พามาโรงพยาบาล แต่แท็กซี่เห็นว่าอาการหนักจึงปรารถนาดีนำส่งโรงพยาบาลอีกแห่งที่ใกล้กว่า แต่กลับถูกโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ปฏิเสธการรักษา โดยผลักไสผู้ป่วยให้ขึ้นแท็กซี่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอื่น ทั้งๆ ที่ผู้ป่วยยังไม่ได้อยู่ในอาการที่ปลอดภัย พ้นขีดอันตราย และผลสุดท้ายคือ น.ส.ช่อลัดดา ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในระหว่างทาง"

"ทางชมรมฯ ได้รับให้การช่วยเหลือในคดีนี้ โดยในวันพรุ่งนี้ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ จะนำครอบครัวและศพของน.ส.ช่อลัดดา หญิงที่ถูกสามีสาดน้ำกรด แต่โรงพยาบาลปฎิเสธการรักษา จนทำให้น.ส.ช่อลัดดาเสียชีวิตในรถแท็กซี่ในระหว่างทางไปรักษาโรงพยาบาลอื่น ไปที่หน้าโรงพยาบาล โดยต้องการให้ทางโรงพยาบาลออกมาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว จึงแจ้งมาเพื่อให้ทุกท่านทราบ และจะนำความคืบหน้ามาเสนอต่อไป"

ด้าน ทีมข่าวช่อง7สี เปิดเผยบทสัมภาษณ์จาก ลูกสาวของผู้เสียชีวิตซึ่งเล่าถึงเหตุการณวันเกิดเหตุระบุว่า

"หนูไม่รู้ พยาบาลบอกให้พาแม่หนูไปที่โรงพยาบาลอื่นที่มีประกันสังคมของแม่อยู่ ตอนนั้นหนูไม่มีเงิน เขาให้เงินหนูมา 40 บาท แล้วให้เรียกแท็กซี่พาแม่ไปโรงพยาบาลอื่น หนูกลัวเพราะแม่บ่นว่าเจ็บปวดและแสบมาก พอขึ้นแท็กซี่ไปได้สักพักแม่แน่นิ่งไป วินาทีนั้นหนูไม่รู้จะทำยังไงดี ในใจคิดว่าแม่ต้องไม่เป็นอะไร" คำบอกเล่าที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดของน้องเตเต้ อายุเพียงแค่ 12 ขวบ ที่ต้องสูญเสียแม่ไปอย่างกะทันหัน โดยน้องเตเต้เล่าว่าเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่าน ขณะที่ตนกำลังนอนหลับอยู่ที่บ้าน ได้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนที่บริเวณขาจึงตื่นขึ้นมาดู จนเห็นว่าแม่ได้วิ่งไปวิ่งมาภายในบ้าน ก่อนจะบอกตนว่าถูกน้ำร้อนลวกให้รีบพาไปหาหมอ ตอนนั้นตนตกใจมากจึงได้รีบเรียกแท็กซี่เพื่อพาแม่ไปหาหมอ ซึ่งแม่ให้พาไปที่ รพ.บางมด เพราะมีประกันสังคมอยู่ที่นั้น แต่จากอาการของแม่ที่นอนร้องโอดโอยบนรถแท็กซี่ด้วยความเจ็บปวด คนขับแท็กซี่จึงบอกว่าจะพาไปที่ รพ.แห่งหนึ่งย่านพระราม 2 แทน

 เพราะดูท่าว่าแม่จะไม่ไหวและที่นั้นใกล้กว่ามาก เมื่อไปถึงโรงพยาบาลคุณหมอได้นำคุณแม่เข้าไปในห้องฉุกเฉิน ขณะนั้นตนเห็นว่าที่ใบหน้าของแม่มีผิวหนังหลุดลอกออกเป็นจำนวนมาก ก่อนที่แพทย์จะนำผ้าพันแผลมาปิดไว้ ตนจึงถามแม่ว่าไปโดนอะไรมาแม่จึงบอกว่าถูกพ่อเลี้ยงสาดน้ำกรดใส่ และน้ำกรดก็กระเด็นมาโดนขาของตนด้วยหมอจึงได้ทำแผลให้ตนพร้อมกับแม่ แต่เมื่อตนทำเสร็จจึงได้ออกมารอด้านนอกห้องฉุกเฉิน ต่อมาพยาบาลก็บอกว่าให้พาแม่ไปรักษาที่อื่นเพราะประกันสังคมของแม่ไม่ได้อยู่ที่นี้ ตอนนั้นตนก็ไม่รู้เรื่องอะไรและทำอะไรไม่ถูกเพราะยังเด็ก เมื่อหมอบอกให้พาไปตนก็พาไปแต่ตนไม่มีเงินหมอจึงให้เงินมา 40 บาทและให้เรียกแท็กซี่พาแม่ไปที่ รพ.บางมด 

ขณะนั่งรถแม่ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดก่อนที่จะแน่นิ่งไป ตอนนั้นตนกลัวมากแต่ก็คิดว่าแม่คงไม่เป็นอะไรเมื่อไปถึง รพ.บางมด แพทย์ได้บอกว่าแม่หยุดหายใจแล้วจึงได้ใช้เครื่องปั๊มหัวใจพยายามช่วยเหลือแม่แต่ไม่ทัน เพราะหมอบอกว่าแม่เสียชีวิตมาก่อนหน้าจะมาถึงโรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้ได้ส่งศพไปชันสูตรที่ นิติเวช รพ.ศิริราช ตอนนี้แม่ไม่อยู่แล้วตนไม่รู้จะทำอย่างไร คนที่ทำร้ายแม่ก็เป็นพ่อเลี้ยงที่อยู่กับแม่มา 8 ปี แล้ว และก่อนหน้านี้ก็เคยขู่ฆ่าแม่และทำร้ายร่างกายแม่บ่อยๆ แต่ไม่คิดว่าจะทำร้ายแม่ถึงขนาดนี้

ด้านแม่ของ น.ส.ช่อลัดดา ผู้เสียชีวิตติดใจว่าลูกสาวตนอาการหนักทำไมโรงพยาบาลยังปล่อยให้ขึ้นแท็กซี่ไปกับเด็กอายุเพียงแค่ 12 ปี และทำไมถึงไปนำรถพยาบาลฉุกเฉินไปส่ง ถ้าวันนั้นไปกับรถพยาบาลฉุกเฉินที่มีหมอ มีพยาบาลไปด้วยลูกตนอาจไม่ต้องตาย ไม่ต้องมาเจอจุดจบแบบนี้ ก่อนที่ลุกจะเสียได้โทรมาหาและบอกว่าเจ็บปวดมากก่อนที่สายจะตัดไป พร้อมฝากถึงพ่อเลี้ยงว่าทำไมถึงต้องมาทำลูกตนแบบนี้ ตนทำใจไม่ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้โดยเร็ว ถ้าเป็นไปได้อยากให้โดนโทษประหารและให้ตายตามลูกของตนไป"

>>>>>
ขอบคุณ เพจ ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ,news.ch7.com