โซเชียลฮือ!! เพจดังทำนายข่าวร้ายที่คนไทยจะเจอในปี 2020
จะถึงอีกไม่กี่วันเเล้ว สำหรับปี 2020 ล่าสุดเเฟนเพจเฟซบุ๊ก Trick of the Trade ได้ออกมาโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับข่าวร้ายที่คนไทยจะได้รับในปี 2020 รวมทั้งหมด 8 ข้อ นั่นคือ
1. การเลิกจ้างงานครั้งใหญ่ จากที่ทราบมาเริ่มตั้งแต่สิ้นปีนี้ถึงสิ้นปีหน้า องค์กรใหญ่ๆหลายสิบแห่งมีแผนเลิกจ้างพนักงาน (แบบเป็นธรรม) กันเรียบร้อยแล้ว รวมพนักงานที่จะสิ้นสุดสภาพการทำงานไม่ต่ำกว่า 200,000 ตำแหน่ง จำนวนนี้ยังไม่รวมบริษัท ห้างร้าน โรงงานขนาดเล็กที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งหมด รวมแล้วคิดว่าไม่ต่ำกว่า 300,000 คน
2. อาขีพแรกที่จะเกิดขึ้นหลังจากการถูกเลิกจ้างงานคือเริ่มขายของออนไลน์เพราะเริ่มต้นได้ง่ายมาก แค่ไปหาของที่ขายดีมาขาย เปิดหน้าร้าน ยิงแอด เดี๋ยวก็มีคนมาซื้อ ใครคิดว่ามันง่ายแบบนี้ก็ขอให้โชคดี เพราะเงินที่ได้มาจะหายวับไปในเวลาไม่กี่เดือน
3. ร้านค้าขนาดกลางถึงเล็กทยอยปิดตัว ศูนย์การค้าจะเริ่มมีห้องว่างให้เห็นมากขึ้น แต่ถ้าเป็นกลุ่ม community mall อาจจะว่างถึงขั้นรกร้าง ถึงเวลาล่มสลายของ community mall ที่แข่งกันขึ้นโครงการอย่างไม่ปราณีปราศรัยในช่วง 5-6 ปีก่อน
4. ธุรกิจที่เติบโตมาแบบก้าวกระโดด โตเพราะยิงโฆษณาเก่ง ขายเก่งจะถึงเวลาหยุดการเติบโตและจะพังเอาง่ายๆเพราะขาดรากฐานแห่งการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน คนที่จะอยู่ต่อไปได้อย่างเข้มแข็งคือคนที่มีฐานลูกค้าคุณภาพที่มากพอ สินค้าดี และปรัชญาในการทำธุรกิจที่ชัดเจน
5. มหาวิทยาลัยจะมีห้องเรียนเหลือว่างมากขึ้น ตึกที่เคยขยันสร้างตอนนี้ไม่รู้จะไปหาใครที่ไหนมาเรียน
6. ป้ายโฆษณาใหญ่ บิลบอร์ดว่างเพียบเพราะลูกค้าย้ายเงินไป โฆษณาทางสื่ออื่น ไม่นับสื่อสิ่งพิมพ์ที่เนื้อหาต้องแข่งกับความเร็วที่จะทยอยปิดตัวจนแทบไม่เหลือ
7. ต้นทุนในการขายออนไลน์มากขึ้นเพราะการแข่งขันของผู้ใช้งานมันมาถึงจุดที่แพลทฟอร์มจะเรียกเงินเท่าไหร่ก็ได้แล้ว ถ้าไม่ขายหรือโฆษณาทางนี้ก็ไม่รู้จะไปขายทางไหน ข้อมูลลูกค้าทั้งหมดก็ฝากไว้กับแพลทฟอร์ม #เราโดนเรียค่าไถ่ทางข้อมูลไปแล้ว
8. เทคโนโลยีใหม่ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการผลิตเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงขึ้น บริหารจัดการคุณภาพได้ดีขึ้น ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ซึ่งทั้ง 3 เหตุผลที่ว่ามานั้นก็คือการแทนที่แรงงานมนุษย์นั่นเอง แค่สัปดาห์นี้ ผมได้เห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดกับภาคการผลิตยางพาราบ้านเราในปีหน้าแล้วบอกตรงๆว่าเป็นห่วงแทนแรงงานในสวนยางจริงๆ ในข้อดีคือเราจะเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันได้ดีขึ้น