สาวไทยในจีน เผยประสบการณ์ใช้ชีวิตท่ามกลางผู้ป่วย
เฟซบุ๊กเพจ “อ้ายจง” ได้โพสต์แชร์ประสบการณ์ของผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Nampetch limwachiranon” ที่ได้แชร์วิธีเอาตัวรอดท่ามกลางสถานการณ์ผู้ป่วยที่เมืองหางโจว ประเทศจีน
พร้อมระบุข้อความว่า…
“แชร์ประสบการณ์การใช้ชีวิตในประเทศจีน ของสาวไทยในจีนที่เมืองหังโจว 1 ในเมืองที่ถูก Lockdown ในช่วงสถานการณ์แพร่อย่างหนัก เราอยากมาแชร์ว่าเราใช้ชีวิตยังไงในช่วงที่เกิดการการแพร่ซึ่งเขต ที่เราอยู่เป็นเขตที่มีผู้ป่วยมากที่สุดในหางโจวและถูกคุมเข้มที่สุดในช่วงที่ผ่านมา ที่คอนโดและรอบๆ คอนโดเรา มีรายงานว่า มีผู้ป่วย ทำให้ช่วงแรกๆ เราจะได้ยินเสียงรถพยาบาลบ่อยมากๆ ซึ่งเราเชื่อว่าผู้ป่วยเหล่านี้ก็เดินทางไปห้างและซุปเปอร์มาร์เกตเดียวกับเรา แต่เราก็ผ่านมาได้ดังนั้นไม่ต้องแพนิกหรือวิตกกังวลจนเกินไป มันป้องกันได้ ถ้าเราผ่านมันไปได้ เพื่อนๆ ก็สามารถผ่านมันไปได้เช่นกัน
เราขอแชร์คร่าวๆ วิธีป้องกันของเรา หวังว่ามันจะพอมีประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่วิตกในช่วงนี้ ลองเอาไปดัดแปลงตามลักษณะการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนดูนะ ทำให้มันเป็นกิจวัตรไป เราทำแบบนี้มาก่อนช่วงLockdown ปิดเมืองด้วยซ้ำตอนนั้นยังไม่มีรายงานการผู้ป่วยใน หางโจวเลยแต่โชคดีที่ตอนนั้นเรากลัวไข้หวัด ใหญ่มากๆ ซึ่งมันแพร่ที่จีนในช่วงหน้าหนาวเป็นเรื่องปกติ
วิธีที่เราใช้ชีวิตในจีน เมื่อออกข้างนอก
1. ใส่หน้ากาก ไม่ว่าใครจะเอาทฤษฏีอะไรใดๆ มาอ้าง เราเชื่อนะตามทฤษฏีแต่ภาคปฎิบัติเราขอใส่ไว้ดีกว่าไม่ใส่ อย่างน้อยๆ ถ้าเราเป็นคนที่ติดเราจะไม่ยอมเป็นผู้แพร่โดยเด็ดขาด
2. พกเจลล้างมือ เราเอาเจลล้างมือแขวนไว้ที่หูกระเป๋าเลย เอาให้ใช้ง่ายๆ จะได้ไม่ต้องเปิดกระเป๋าก่อนแล้วเอามือเปื้อนๆ ยื่นเข้าไปหยิบ หรือถ้ามีแบบ สเปรย์ก็พกเป็นขวดเล็กๆ ไว้ พ่นได้ตั้งแต่มือยันปุ่มลิฟท์ยันที่เปิดประตูรถ
3. พก alcohol wipe ทิชชูเปียกที่ชุบแอลกอฮอล์ 75 เปอร์เซ็น เราใช้เช็ดพวกด้ามจับรถเข็นในซุปเปอร์มาร์เกต หรือหากจำเป็นต้องสัมผัสกับของใช้ส่วนรวม ก็จะใช้ ไวพ์เช็ดก่อน
อยู่ข้างนอก
1. ในสถานที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท จะไม่มีการถอดแมสก์หรือแตะแมสก์โดยเด็ดขาด
2. เราพยายามรักษาระยะห่างจากคน ระยะหนึ่งเมตร แต่ก็ยาก ในซุปเปอร์มาร์เกตคนค่อนข้างเยอะ ส่วนมากเลี่ยงไม่ได้เลย
3. กระเป๋า มือถือ ไม่วางซี้ซั้ว กระเป๋าสะพายแนบตัวตลอด ส่วนมือถือนอกจากตอนจ่ายเงินกับแสดง health code เราจะไม่เอาออกมาเลย
4. ทุกครั้งที่กลับขึ้นรถ เราจะเช็ดมือ เช็ดพวงมาลัย เกียร์ ด้วยทุกครั้ง กันเหนียวไว้
เมื่อกลับเข้าบ้าน
1. รองเท้าที่ใส่ไปข้างนอกเราจะถอดไว้ด้านนอกเลย ไม่เอามาเก็บในตู้รองเท้า และเราใส่อยู่คู่เดียวจะไม่เปลี่ยนไปมา เมื่อถึงบ้าน เอาสเปรย์พ่นรองเท้าทั่วๆ กันไว้อีกที
2. ก่อนออกนอกบ้านทุกครั้ง เราจะเตรียมเสื้อผ้าใส่อยู่บ้านชุดใหม่ไว้หนึ่งชุดและแขวนรอไว้ในห้องน้ำเลย พอเข้าห้องมาเราจะเลี้ยวเข้าห้องน้ำทันที ล้างมือ ถอดแมส ล้างหน้า ล้างขา แล้วเปลี่ยนชุดใหม่ทันที เราจะไม่เข้าไปนั่งในบ้านด้วยชุดเสื้อผ้าที่ใส่ออกไปข้างนอก เสื้อผ้าที่ใส่ไปข้างนอก จะซักในวันนั้นเลยทุกครั้ง ถึงแม้จะแค่ลงไปรับไปรษณีย์ด้านล่างเราก็จะเปลี่ยนชุดทุกครั้ง
3. มือถือ เราจะเช็ดทุกครั้งหลังกลับเข้าบ้าน รวมไปถึงกุญแจบ้าน กุญแจรถทั้งหมด ซึ่งเรามีชั้นวางอยู่หลังประตูทางเข้าห้องเลย ถ้ายังไม่ได้เช็ด เราจะไม่ถือมือถือเข้าไปในห้องนั่งเล่นโดยเด็ดขาด
4. จำกัดกระเป๋าที่ใช้ เราเลือกใช้กระเป๋าที่มีขนาดเล็กที่สุด สลับใช้อยู่เพียงสองใบและกระเป๋าสองใบนี้จะไม่ถูกนำเข้ามาในตัวห้อง เราจะวางไว้ตรงชั้นวางตรงทางเข้า หูกระเป๋าจะเกี่ยวเจลล้างมือไว้ เพราะใช้ทำความสะอาดมือตลอดเวลาไปข้างนอก
5. เราสระผมทุกครั้งที่กลับมาจากข้างนอก เพราะเรากลัว ผมเราค่อนข้างยาว และเราเป็นสายสยายไปสยายมา 555 เราเป็นพวกคิดมาก คือผมสยายไปข้างหลังงัยละแบบเราไม่รู้ว่าใครมาโดนบ้างหรือเกิดมีใครมาไอใส่มั้ยละเราไม่รู้ตัว อย่างที่บอกในซุปเปอร์มาร์เกตคนค่อนข้างเยอะ ยกเว้น ถ้าเราแค่ลงไปรับไปรษณีย์ด้านล่าง เราจะม้วนผมเป็นดังโงะเอา บางทีก็ใส่หมวกครอบไปอีกที
เมื่ออยู่บ้าน
1. เราดูดฝุ่นทุกวัน เช้า เย็น วันละสองครั้งเพราะเราเลี้ยงกระต่าย ดังนั้นอะไรเลี่ยงได้เราจะเลี่ยงไว้ก่อน
2. วันไหนที่มีแดด ซึ่งเป็น rare item ที่หางโจว เราจะเปิดหน้าต่างเพื่อระบายให้อากาศถ่ายเท แต่ถ้าวันที่อากาศดูแย่ๆ เราจะพยายามไม่เปิดหน้าต่างเลย
3. ถูพื้น เราพยายามถูทุกสามสี่วันครั้ง ถูไปพ่นไปตลอด ถ้าใครไปหาซื้อมาใช้ ให้ระวังเรื่องความเข้มข้น ผสมในปริมาณที่พอดี เจือจางๆพอ
4. ซักผ้า ผสมเดทตอลทุกครั้ง จริงๆ เราใช้เดทตอลซักผ้ามาตั้งแต่ช่วงสองปีก่อนที่เริ่มเลี้ยงกระต่าย เลยค่อนข้างชินกับกลิ่น
5. เรากินวิตามินซีทุกวัน วันละ 1,000 มิลลิกรัมและบังคับคนข้างๆให้กินด้วย 555 และพยายามพักผ่อนให้เพียงพอ
6. จริงๆ ก่อนจีนจะประกาศ Lockdown เมืองต่างๆ เค้าประกาศให้ยกเลิกการรวมตัวสังสรรค์ทั่วประเทศ ช่วงนั้นตรงกับตรุษจีนพอดีซึ่งมันคือมหกรรมการกิน กิน กินและกิน นี่เราแนะนำนะ พวกงานกินเลี้ยง หรือ ไนท์คลับอะไรพวกนี้ งดได้งดไปก่อนเพราะเราไม่รู้เลยว่าคนที่ไปร่วมโต๊ะด้วยไปไหนไปเจอใครมาบ้าง
หางโจว อยู่ในมณฑลเจ้อเจียง เป็นเมืองหนึ่งที่มีการ lockdown ซึ่งเดินทางข้ามเมืองไม่ได้ แต่ยังสามารถออกจากบ้านมาซื้อของได้นะ ซึ่งเขตที่อยู่ มีผู้ป่วย ค่อนข้างสูง
หางโจว อยู่ในมณฑลเจ้อเจียง เป็นเมืองหนึ่งที่มีการ lockdown ซึ่งเดินทางข้ามเมืองไม่ได้ แต่ยังสามารถออกจากบ้านมาซื้อของได้นะ ซึ่งเขตที่อยู่ มีผู้ป่วย ค่อนข้างสูง
เราสามารถขับรถไปซื้อได้ แต่ ต้องไปกลับ ภายใน สี่ชม. ถ้าเกินจากนี้ เขาจะเรียกตำรวจมารับเราไปสถานกักตัวซึ่งก็คือโรงแรม ที่รัฐบาลหางโจวเช่าไว้ ที่ชั้นหนึ่งของคอนโดจะมีเจ้าหน้าที่อยู่ หนึ่งครอบครัวส่งคนออกไปซื้ออาหารได้แค่ หนึ่งคน สองวันหนึ่งครั้ง
วิธีการออกก็คือต้องแลกบัตรประชาชน กรอกข้อมูลลงสมุดบันทึก ก็พวกชื่อ เบอร์ติดต่อ เจ้าหน้าที่ก็จะวัดอุณหภูมิละจดลงไปด้วย เพราะถ้าขากลับมาอุณภูมิสูงขึ้นกว่าตอนออก เขาก็มีความจำเป็นที่จะต้องเรียกรถพยาบาลมา ตอนกรอกข้อมูลจะได้ใบสีขาวมา ซึ่งกลับเข้ามาก็ต้องเอามายื่นด้วย ถ้าหาย ไม่ได้เข้าตึก
อ้อ เงื่อนไขการออกไปข้างนอก เราจะต้องให้ดู healthcode ที่อยู่บนแอพมือถือด้วยนะ จะมีเป็นสี ถ้าเร่ได้สีเขียวถึงออกไปได้
health code มีสามสี ถ้าเราได้สีเขียวก็คือ สุขภาพดีสีเหลือง กักตัวเจ็ดวัน สีแดง กักตัว สิบสี่วัน โดยข้อมูลต้องคอยอัพเดท ทุกสิบสี่วัน เวลาไปถึงห้าง เขาก็จะมีเจ้าหน้าที่วัดอุณหภูมิละก็ขอเชค health code อีกรอบด้วย
จริงๆ เราคิดนะอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่เราไม่อยากมาเสียใจว่าวันนึงเราติดเชื้อเพราะไม่ยอมป้องกันตัวเองให้ดี ยิ่งมีอีกหนึ่งชีวิตติดแหอยู่กับเรา มันเหมือนต้องรับผิดชอบเค้าด้วย เราเป็นพวกย้ำคิดย้ำทำ ถ้าวันนึงเราติดเชื้อทั้งๆ ที่เราได้ทำดีที่สุดคือเรายอมรับได้ แต่เราจะรับไม่ได้เลยถ้ามันเกิดจากความประมาทของตัวเอง
เราเข้าใจความวิตกของทุกคน เพราะเราผ่านมาหมด วันไหนออกไปข้างนอก สองสามวันหลังจากนั้น จะวิตกตลอดว่า เอ๊ะเราป่วย มั้ย เราจะเป็นยังไง หายใจไม่ทันหน่อยเราก็เริ่มเครียด เป็นหนักๆ นอนไม่หลับก็มี
แรกๆ เป็นหนักมาก เวลาไปซื้ออาหารเข้าบ้าน ยิ่งพวกซีฟู๊ดเราจะไปซื้อแต่ซุปเปอร์ของนำเข้าเพราะกลัว ตอนนั้นยังไม่มีประกาศว่าเป็นเพราะค้างคาว ทำให้เรากลัวพวกอาหารทะเลมากแต่เราเป็นคนติดอาหารทะเลก็ต้องหาทางกินให้ได้ 555
เราเครียดกว่าเพื่อนๆ ที่อยู่ไทยมาก เพราะเราเคยป่วยที่จีน เคยนอนโรงพยาบาลจีน เคยโคม่าที่นี่มาก่อน ซึ่งเราฝังใจ มันยิ่งทำให้เรากลัวกว่าเดิม แต่เราก็ค้นพบว่า ทุกๆครั้งที่เราออกไปข้างนอก ถ้าเราป้องกันตัวเราดีที่สุดแล้ว วันนั้นเราจะสบายใจและไม่กังวลใดๆ
ดังนั้นถ้าวิตกก็ลองป้องกันตัวเองให้มากขึ้นดูนะ”
ดังนั้นถ้าวิตกก็ลองป้องกันตัวเองให้มากขึ้นดูนะ”
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น