ชื่นชม คุณหมอลุยเยี่ยมคนไข้โดนกักตัวบนดอย ต้องฝ่าฟันเส้นทางสุดทรหด
หน้าแรกTeeNee ข่าวร้อนโลกโซเชียล เป็นข่าว ชื่นชม คุณหมอลุยเยี่ยมคนไข้โดนกักตัวบนดอย ต้องฝ่าฟันเส้นทางสุดทรหด
เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่โลกออนไลน์มีการแชร์ และกล่าวชื่นชมในสิปิริตการทำงานอย่างมาก กับภาพ คุณหมอท่านหนึ่ง ข้ามน้ำข้ามเขา เพื่อไปดูแลผู้ป่วยกักตวที่อยู่บนดอย หลังทราบว่า มีเด็กไม่สบาย โดยมีเรื่องราวทั้งหมดดังนี้
" "หมอครับ เด็กน้อย 1 ใน 6 ของผู้กักตัวเองที่อยู่ในไร่ มีอาการไข้ เจ็บคอ ผมจะต้องทำอย่างไรบ้างครับ" ข้าพเจ้านิ่งไปสักครู่ มีความรู้สึกเป็นห่วงเด็ก จะมีอาการเจ็บป่วยมากหรือเปล่า พอได้คำตอบในใจแล้ว จึงแจ้งญาติไปว่า "เดี๋ยวหมอจะไปเยี่ยมเองนะ"
ขณะที่ตอบไป ก็ยังไม่รู้หรอกว่าจะไปยังไง และเส้นทางที่จะไปมีสภาพเป็นอย่างไร ซึ่งผู้ป่วยรายนี้ยังไม่เคยไปเยี่ยม พร้อมกันนั้นได้โทรประสาน อสม.ในเขตรับผิดชอบและชวนไปเยี่ยมด้วยกันอสม.ถามกลับมา "หมอไปไหวเหรอมันไกลมากนะ ต้องข้ามห้วย ข้ามเขา 2 ม่อน (เขา 2 ลูก) จึงจะถึงที่กักตัว
พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้ช่วยเหลือคนไข้ ที่ปฏิบัติงานใน รพ.สต. เตรียมตัวเพื่อไปเยี่ยมผู้ป่วย พร้อมทั้งตัวข้าพเจ้าก็เตรียมความพร้อมในการป้องกันตัวเองให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด ต้องใส่ชุดให้รัดกุม ภายใต้อุณหภูมิ ขณะนั้น 38 องศาเซลเซียลขึ้นไป ข้าพเจ้าจัดแจงใส่หน้ากากอนามัย
ตามด้วย Face shield ที่ประยุกต์จากวัสดุในพื้นที่ สวมรองเท้าบู๊ทสำหรับเตรียมข้ามลำห้วย เตรียมยาให้ผู้ป่วย ปรอทวัดไข้ ถุงมือ กว่าจะพร้อมเดินทางเวลาก็ล่วงเลยไปบ่ายโมงกว่าๆแล้ว เมื่อทุกอย่างพร้อม ก็นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ออกจาก รพ.สต.ไปหาคนไข้ทันที
ข้าพเจ้าเหงื่อท่วมตัวภายใต้ชุดประยุกต์ที่ปิดมิดชิด หายใจภายใต้หน้ากากอนามัยที่ชุ่มด้วยเหงื่อ ช่างเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน คำว่า "เหนื่อยสายตัวแทบขาด" คงเป็นแบบนี้เอง
เราเพิ่งจะมองเห็นภูเขาสูงชันตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า คือจุดหมายปลายทางของเรา ข้าพเจ้าดีใจได้เดี๋ยวเดียว ต้องลงเดินอีกครั้ง ปล่อยให้ผู้ช่วยเหลือคนไข้ควบรถจักรยานยนต์ ขึ้นเนินที่แคบและชันไปรออยู่ตรงตัวเนินเขา สักครู่ได้ยินเสียงร้องตะโกนลงมาว่า
พอโผล่พ้นเนินเขา มองออกไปไกลๆเห็นกระต๊อบเล็กๆ อยู่ลิบๆ ความรู้สึกดีใจกลบความเหนื่อยล้าไปสิ้น พอเข้าใกล้ในระยะสายตาที่มองเห็นชัดเจน สภาพกระต๊อบที่ปลูกอยู่กลางไร่ ไม่ได้มีความคงทนถาวร เสาทำด้วยไม้ขนาดท่อนแขพอที่จะค้ำยันไม่ให้ล้มลงไปได้สักระยะเวลาหนึ่ง ฝาผนังทำจากกระสอบ และเศษผ้ากะลาเก่าๆ พอบังลมและกั้นให้เป็นสัดส่วน ส่วนหลังคามุงด้วยหญ้าคาวางทับๆเอาไว้ มีไม้ฟืนทับอีกที กันไม่ให้ลมพัดปลิว ผู้กักตัวที่พักในกระต๊อบคงร้อนหน้าดู
ข้าพเจ้ารีบทักทายเด็กๆ เพื่อกลบกลื่นน้ำตาที่ซึมออกมา "เล่นที่ไร่สนุกไหม" ทุกคนตอบเกือบพร้อมกันว่า "สนุก" ข้าพเจ้าไม่รอให้หายเหนื่อย ต้องรีบตรวจร่างกายคนไข้ทันที กลัวจะมืดค่ำในช่วงขากลับ พร้อมกับยึดหลักป้องกันการสัมผัส ยืนห่างกันช่วง 2 เมตร ให้ทุกคนล้างมือ
กลับถึงที่พักช่วงเย็นๆ ข้าพเจ้าก็หมดแรงพอดี คืนนั้นคงจะหลับเกือบสนิท ถ้าในใจไม่คิดเป็นห่วงเด็ก กลัวว่าจะมีอาการไข้ในเวลากลางคืน ข้าพเจ้าได้ติดตามอาการไข้จากญาติที่ไปส่งอาหารและน้ำดื่ม เป็นประจำทุกวัน พบว่าตลอดระยะเวลา 3 วัน เด็กไม่มีไข้ อาการไอและมีน้ำมูก ทุเลาลงและหายเป็นปกติ ในวันที่สาม ความรับผิดชอบ ความผูกพันกับชาวบ้านที่มีต่อกัน ทำให้ข้าพเจ้าลืมความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากที่พบเจอในระหว่างการทำงาน เพียงเพื่ออยากให้ชาวบ้านเหล่านั้นได้รับบริการสุขภาพที่ดี มีความปลอดภัยจากความเสี่ยงที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้#เราไม่ทิ้งกัน #เรื่องจากหมอเมืองน่าน"
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น