โดยคนหนึ่งเป็นหญิงสาววัยรุ่น หน้าตาดี หุ่นผอม ขณะที่อีกคนนั้นเป็นหญิงอ้วนวัยกลางคน ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเพื่อทดสอบว่าคนไหนจะถูกกอดมากกว่ากัน ซึ่งตัวแทนหญิงอ้วนคนดังกล่าวนั้นก็คือ หม่อมลูกปลา อดีตชายาของ หม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ ยุคล หรือ ท่านกบ ที่เคยเป็นข่าวดังเมื่อหลายสิบปีก่อนนั่นเอง
ย้อนชีวิต หม่อมลูกปลา ตำนานซินเดอเรลล่าเมืองไทยแห่งวังอัศวิน
โดยคนหนึ่งเป็นหญิงสาววัยรุ่น หน้าตาดี หุ่นผอม ขณะที่อีกคนนั้นเป็นหญิงอ้วนวัยกลางคน ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเพื่อทดสอบว่าคนไหนจะถูกกอดมากกว่ากัน ซึ่งตัวแทนหญิงอ้วนคนดังกล่าวนั้นก็คือ หม่อมลูกปลา อดีตชายาของ หม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ ยุคล หรือ ท่านกบ ที่เคยเป็นข่าวดังเมื่อหลายสิบปีก่อนนั่นเอง
ซึ่งหากย้อนกลับไป ชีวิตของหม่อมลูกปลา นั้น ถือว่าอยู่ในความสนใจของประชาชนมาโดยตลอด โดยเมื่อหลายสิบปีก่อน เธอได้รับการเษกสมรสเป็นชายาของ หม่อมเจ้าฐิติพันธ์ ยุคล หรือ ท่านกบ แห่งวังอัศวิน เป็นพระโอรสในพระเจ้า วรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล และเป็นพระนัดดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์
กราฟชีวิตของหม่อมลูกปลาไต่ระดับขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดของชีวิต ก่อนจะทิ้งดิ่งลงมาจนถึงปัจจุบัน เดิมที หม่อมลูกปลา เป็นเด็กกำพร้าอายุ 2 เดือนที่ถูกทิ้งไว้ในโรงพยาบาลจุฬาฯ จน ม.จ.รังษีนภดล ยุคล(ท่านหญิงอ๋อย) ได้ขอโรงพยาบาลไปชุบเลี้ยง ต่อมาเมื่อมีอายุ 4 ขวบ ท่านหญิงอ๋อยได้ยกให้ท่านพี่ คือ ม.จ.ฐิติพันธุ์ ยุคล(ท่านชายกบ) เป็นผู้เลี้ยงดู จากนั้น ชีวิตของหม่อมลูกปลา ได้ตกเป็นสมบัติของท่านกบนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ณ เวลานั้น มีการรายงานว่า ก่อนที่ท่านชายกบจะล้มป่วยกะทันหัน ท่านชายกบและหม่อมลูกปลามีปากเสียงกัน ภายหลังจากที่หม่อมลูกปลากลับจากไปเที่ยวภูเก็ตกับ นายอุเทศ ชุปวา (ต่อมาเป็นสามีคนที่ 2 ของหม่อมลูกปลา) และถูกท่านชายกบจับได้ ซึ่งท่านชาย กล่าวหาว่า หม่อมลูกปลามีชู้ จึงเกิดการทะเลาะกันอย่างรุนแรง
ในขณะที่ หลายคนยังไม่เชื่อว่า หม่อมลูกปลา จะอำมหิตถึงขั้นวางยาพิษท่านชายกบ ซึ่งเป็นทั้งพ่อ ทั้งสามี เป็นทุกอย่างในชีวิตของเธอ และหลายคนยังสงสัยอีกว่า หม่อมลูกปลา จะกระทำการเช่นนี้ไปเพื่ออะไร เพราะเธอไม่ได้ประโยชน์ใดๆ จากเรื่องนี้เลย
ดั่งเช่นที่เธอยืนยันกับรายการความจริงไม่ตาย ทางไทยพีบีเอส ว่า เราไม่ได้เอาอะไรออกมาจากวังอัศวินเลย เรามาตัวเปล่า ทุกสิ่งที่ท่านเคยให้ เราทอดทิ้งไว้ที่นั่นทั้งหมด เงินสักบาทจากพินัยกรรมของท่านชายเราก็ไม่ได้ เพราะพินัยกรรมถูกเขียนไว้ก่อนที่เราจะแต่งงานกับท่านชาย แม้กระทั่งคำว่า หม่อม เราก็ไม่อยากได้ เราไม่อยากวุ่นวาย นี่ขนาดไม่ได้เอาอะไรออกมา ชีวิตยังวุ่นวายขนาดนี้
เมื่อผู้สื่อข่าว เปรยว่า บางคนเชื่อว่า คุณคือแพะ
หม่อมลูกปลากล่าวขึ้นมาในทันทีว่า
ก็เหมือนว่าจะใช่ เราเป็นคนถามตำรวจเองว่า ต้องการแพะรับบาปมั้ย หากต้องการ เราจะเป็นให้ เพราะเราเหนื่อยเหลือเกิน เรารำคาญกับการที่จะต้องมาตอบคำถามเดิมๆ ซ้ำๆ ไฟจ่อหน้า
หม่อมลูกปลา จำคุกอยู่นาน 2 ปี 6 เดือน แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนที่เราติดคุก เราท้องได้ประมาณ 3 เดือน (หม่อมลูกปลามีลูกกับ ทวีชัย น้อยประเสริฐ สามีคนที่ 3) พอออกมาจากคุก เราก็มาเป็นเด็กทำความสะอาดรถทัวร์ให้สามี ตอนนี้ลูกสาวที่คลอดตอนสมัยที่เราอยู่ในคุก น้องอายุได้ 5 ขวบแล้ว ชีวิตตอนนี้ก็ถือว่าลำบากพอสมควร ต้องเช่าบ้านเดือนละ 3 พันกว่าบาท รวมค่าน้ำค่าไฟ บางครั้งก็ไม่มีค่านมลูก ไม่มีค่าเทอมลูก ไม่มีเงินส่งรถ(ผ่อนไฟแนนซ์) มีหนี้สิ้นรัดตัว ตอนนี้ยังไม่ทันสิ้นเดือน(วันที่ 18 ส.ค.) เราเหลือเงินอยู่ไม่ถึง 300 บาทด้วยซ้ำ บางทีเราก็เขียนจดหมายขอความช่วยเหลือไปหาหม่อมคนอื่นๆ ที่รู้จักคุ้นเคย ซึ่งเขาก็ช่วยเหลือบ้างบางครั้ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากเลือกได้ จะเลือกมีชีวิตแบบไหน ระหว่าง สุขสบายแต่ไร้อิสระ กับ อดอยากแต่อิสระ ? หม่อมลูกปลาตอบในทันทีว่า สุขสบายแต่ไร้อิสระ เพราะความจน และการเป็นหนี้สินมันน่ากลัวกว่าคำว่า ไร้อิสรภาพ ถ้าตอนนี้ท่านชายยังอยู่ เราคงอยู่กับลูกๆ ฝาแฝดของเรากับท่านชาย(หม่อมลูกปลาแท้งลูกแฝด ภายหลังจากที่ท่านชายกบป่วยกะทันหัน) เราคงมีความสุขกว่าวันนี้ และคงไม่คิดจะหนีเที่ยว เพราะมีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจ
ลูกปลาคนเก่ามันตายไปแล้ว ตายไปตั้งแต่ในเรือนจำแล้ว ตอนนี้เราเป็นอะไรก็ได้ เราต้องทำมาหากินทุกอย่างได้ เพราะตอนนี้เรามีลูก ลูกสาว ที่เราไม่อยากให้เขามีชะตาชีวิตอย่างเรา...