ชูวิทย์ แฉดีลลับ อดีตผกก.โจ้ พลิกลิ้นปฏิเสธทุกข้อหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็น จากกรณี คดีผู้กำกับโจ้ คลุมถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหาเพื่อเค้นข้อมูล จนทำให้ผู้ต้องหาเสียชีวิต สุดท้าย อดีตผกก.โจ้ กลับปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
โดย นายชูวิทย์ เปิดเผยว่า "ดีลลับ โจ้พลิกลิ้น ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา"
อิทธิฤทธิ์ และปาฏิหาริย์ เบื้องหลังการจับกุม "โจ้ มือคลุมถุงฆ่า" ด้วยเหตุที่มีแบ็คผู้ใหญ่ดี จึงมีการตกลง "ดีล" สำคัญในการมอบตัวชนิดที่ว่า จู่ๆ อดีตผู้กำกับฯโจ้ ก็เหาะมาปรากฎตัวที่บางแสน มอบตัวคนเดียว ไม่รู้ไม่เห็น ไม่ทราบว่ามาได้ไง ใครพามา จำอะไรไม่ได้
ข้อต่อสู้คดีที่สำคัญอยู่ที่ "กระทำการเพื่อขยายผลในการค้นหายาเสพติดรายใหญ่" ไม่ได้มีเจตนาฆ่า เพราะที่คลุมถุงเพียงเพื่อไม่ให้จำหน้าได้ ไม่ต้องการให้ตาย แถมยังช่วยเหลือด้วยการปั๊มหัวใจ ต่อจากนี้ จึงเป็นกระบวนการกฎหมายที่มี "อิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์" เข้ามาอีกมาก เริ่มจากคดีที่มีคนตายจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ จะต้องมีการ "ไต่สวนการตาย" สำนวนชันสูตรพลิกศพ ต้องส่งให้ศาลไต่สวนก่อนตามกฎหมาย แม้ศพจะถูกเผาไปแล้วก็ตามเหมือนกรณี 6 ศพที่วัดปทุมฯ
อัยการต้องทำสำนวนการชันสูตรพลิกศพร่วมกับตำรวจด้วยเพื่อความโปร่งใส และให้เสร็จภายใน 30 วัน ตามกฎหมายอีก เมื่อสำนวนชันสูตรพลิกศพเรียบร้อย (แม้ไม่มีศพให้ชันสูตรเพราะเผาไปแล้ว) อัยการต้องส่งสำนวนให้ศาลไต่สวนการตาย
ส่วนการยื่นฟ้อง ต้องฟ้องไปยังศาลคดีทุจริต ซึ่งคงต้องหารือกันว่าไปศาลทุจริตกลาง หรือศาลทุจริตภาค 6 ที่เกิดเรื่อง คงต้องหารือกันอีกที อัยการจะเป็น "กลจักรกฎหมาย" สำคัญ ที่ต้องร่วมกับตำรวจในการทำคดีนี้ และ ป.ป.ช. ต้องมีมติชัดว่า "ไม่ดำเนินการเอง ให้ดำเนินคดีตาม ป.วิอาญา กฎหมายปกติ"
ติดคุกน่ะติดแน่ แต่ด้วยโจ้ "กำของดี" ในมือไว้มาก และไม่โบ้ยแฉทั้งลูกน้อง ทั้งนาย ทำงานเป็น "ลูกรัก" ด้วย เก่งวิธีเอาใจผู้ใหญ่ จัดให้สม่ำเสมอ ที่สำคัญยังมีเหลืออีกบานเบอะ หากรับจบคนเดียว "ยอมเจ็บอย่างเสือ ไม่เห่าอย่างหมา"
ว่ากันว่า "เสือย่อมไม่กินเนื้อเสือฉันใด ตำรวจย่อมไม่ฆ่าตำรวจที่ตามจับคนร้ายขายยา แล้วพลั้งมือท่ายาก ทำการปั๊มหัวใจไม่เป็น ทั้งมีเจตนาเอาข้อมูลขยายผล สกัดตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่เพื่อปกป้องสังคมเยาวชน ฉันนั้น" แบบนี้แล้ว จะไม่เห็นใจคนทำงานกันบ้างหรือ?
ดีลจบลงด้วยการออกมาแบบ วิน-วิน จับตัวโจ้ได้ นำมาแถลงข่าวพร้อมยอมรับต่อหน้ากล้องและนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ แต่ถึงเวลากลับไม่รับสารภาพ ปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา ขอสู้คดีทั้งที่หลักฐานภาพชัดเป็นประจักษ์พยาน เพราะหากไปยอมรับสารภาพ ก็จบเร็ว จบหนัก หาใช่ที่ตกลงกันไม่ว่า "จากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นหาย"
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น