ย้อนรอยคดีดัง หมอศรุต ที่แม่ทวงคืนความยุติธรรมให้ลูกได้สำเร็จ
อีกหนึ่งคดีดังยืดยาวมา 11 ปี ที่หลายคนให้ความสนใจเป็นอย่างมากกับคดี นพ.ศรุต ทวีรุจจนะ ตกตึกดับจากชั้น4 ซึ่งเรื่องนี้ทางด้านคุณแม่ไม่ปักใจเชื่อว่าลูกจะฆ่าตัวตาย เดินเรื่องหาข้อพิสูจน์จนสุดท้ายวันนี้ได้ปิดฉากคดีนี้ลงไปแล้ว โดยสั่งจำคุกนพ.ปราโมทย์ มั่นเมือง จำเลยที่ 1 และ น.ส.จิตวิมล สุขสุวรรณ จำเลยที่ 2 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา คนละ 10 ปี และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้กับมารดาผู้ตาย
วันนี้เราจะพาไปย้อนรอยกับคดีดังเรื่องนี้กันค่ะ โดยทางเพจเฟสบุ๊ก Poetry of Bitch เผยว่า
วันที่ลูกไม่กลับบ้าน
2- เดือนเมษายน 2553 หมอศรุตกับครอบครัว รวมทั้งคุณแม่ได้เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ไม่มีใครคาดคิดว่าหลังกลับมาถึงประเทศไทยได้ไม่กี่วันจะมีข่าวร้ายเกิดขึ้นกับครอบครัว
3- วันที่ 18 เมษายน 2553 "หมอเอ" (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของหมอศรุตโทรมาชวนเขาออกไปดื่มสังสรรค์กันที่ย่านรัชดาภิเษก หมอศรุตออกไปและไม่มีโอกาสได้กลับมาบ้านอีกเลย
4- ดึกคืนนั้นแม่ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าลูกชายพลัดตกจากระเบียงชั้น 4 ของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ เสียชีวิตแล้ว
คำบอกเล่าของเพื่อน
6- หมอเอเล่าว่าหลังดื่มกันเสร็จ หมอศรุตเมามากจนจำบ้านตัวเองไม่ได้ เขาจึงพาขึ้นรถแท็กซี่มาที่อพาร์ตเมนต์ดังกล่าว ซึ่งเป็นห้องพักของ "นางสาวบี" แฟนของหมอเอ โดยมาถึงในเวลา 03.00 น. (หมอศรุตตกลงไปในเวลา 03.13 น.)
7- เมื่อมาถึงห้องก็ให้หมอศรุตนอนบนเตียง เห็นเขานอนหลับตาก็คิดว่าคงหลับแล้ว แต่จู่ ๆ หมอศรุตก็ลุกขึ้นนั่ง แล้ววิ่งไปที่ประตูหลังซึ่งปิดอยู่ เปิดประตูแล้วกระโดดข้ามกำแพงระเบียงตกลงไป
8- หมอเอและนางสาวบีบอกว่าไม่รู้หมอศรุตเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เขาวิ่งเร็วและกระโดดแรงมากจนตัวลอยกลางอากาศ ก่อนตกลงไปกระแทกพื้น
ความมั่นใจของแม่
10- ประกอบกับแม่พบว่าฝุ่นสีขาวที่ฝ่ามือของลูกนั้นมีสีและลักษณะที่เข้ากันได้กับสีตรงกำแพงระเบียง ทำให้แม่คิดว่าอาจเกิดจากการที่ลูกพยายามใช้มือเกาะหรือเหนี่ยวรั้งไว้เพื่อไม่ให้ตกลงไป เมื่อมั่นใจอย่างนั้นแม่จึงโทรไปยกเลิกวัดที่จองไว้และขอเก็บศพลูกไว้ก่อน
11- เมื่อแม่ไปดูกล้องวงจรปิดก็พบว่าตอนลูกมาถึงอพาร์ตเมนต์ เขาอยู่ในสภาพที่เดินแทบไม่ไหว คอตก มือห้อยร่องแร่ง แอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 278 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้แม่มั่นใจว่าลูกซึ่งเดินยังแทบไม่ไหว จะวิ่งไปกระโดดข้ามระเบียงอย่างแรงจนตัวลอยอย่างที่เพื่อนบอกได้ยังไง
12- ต่อมาแม่พบพิรุธอีกข้อว่า ร่างของลูกตกเยื้องไปทางซ้ายมาก จนไปตรงกับระเบียงห้องพักอื่น ทำให้แม่ยิ่งสงสัยว่าถ้าลูกกระโดดลงไปเองจริงทำไมไม่กระโดดลงไปตรง ๆ และใบหน้าก็มีร่องรอยที่ไม่ได้เกิดจากการตกที่สูง จึงยิ่งมั่นใจว่าลูกไม่ได้ตกลงมาเอง แต่ถูกกระทำ
ผู้ช่วยคนสำคัญของแม่
14- อ.ประสพนำความรู้ความเชี่ยวชาญมาหาข้อมูล คำนวณ พิสูจน์ ทำแบบจำลอง และทดลองซ้ำ ๆ จนได้ข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ว่า ‘หมอศรุตไม่สามารถทำให้ตัวเองตกลงไปอยู่ในสภาพนั้นได้ ต้องมีแรงจากภายนอก'
ตัวอย่างเหตุผลประกอบ เช่น
- ตำแหน่งพบศพห่างจากตัวอาคารถึง 3.6 เมตร การจะกระโดดได้ไกลขนาดนั้นต้องใช้ความเร็วต้น 10 กม./ชม. แต่ประตูห้องห่างจากตัวระเบียงแค่ 1.25 เมตร ย่อมไม่สามารถวิ่งด้วยความเร็วเท่านั้นได้
- มีการจำลองเหตุการณ์ด้วยการหาคนที่รูปร่างเท่าหมอศรุต (สูง 176 ซม. หนัก 73 กก.) มาทำการทดลองในหลายท่าหลายแบบ พบว่าถ้าตกลงไปเองจะตกในแนวดิ่ง 90 องศา เหมือนลูกมะพร้าวตกจากต้น ระยะเฉลี่ยจะตกห่างจากตัวอาคาร 2.6 เมตรเท่านั้น ไม่สามารถตกไปไกลถึง 3.6 เมตรได้อย่างแน่นอน
- สภาพศพที่พบคือ นอนหงาย ศีรษะชี้ไปทางตรงข้ามกับตัวตึก ทั้งที่หากกระโดดลงมาเองแรงผลักจะทำให้ร่างบิดหมุนไปตามทิศเข็มนาฬิกา ศีรษะจะต้องชี้ไปทางตัวตึก
- ชั้นที่ตกลงมานั้นอยู่สูงจากพื้น 10 เมตร ร่างของหมอมีเวลาลอยอยู่ในอากาศเพียง 1.4 วินาทีเท่านั้น ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถพลิกตัวหรือเปลี่ยนท่าทางในระหว่างนั้นได้
- ระเบียงสูง 0.96 เมตร ไม่สามารถกระโดดข้ามไปได้อย่างแรงจนตัวลอยอย่างที่เพื่อนบอก โดยเฉพาะในขณะที่หมอศรุตเมาจนทรงตัวแทบไม่อยู่อย่างนั้น
ฯลฯ
แม่ผู้ไม่เคยยอมแพ้
16- แม่เคยเขียนไว้ในหนังสือรำลึกหลัง 4 ปีแห่งการจากไปของหมอศรุตว่า การจากไปของลูกเหมือนโลกทั้งใบของแม่ล่มสลาย แทบไม่มีพลังในการดำเนินชีวิต แต่ถึงใจจะแหลกสลายเพียงใด เจ็บปวดแค่ไหนก็ต้องฝืนลุกขึ้น เพราะแม่ต้องยืนหยัดเพื่อลูกคนอื่น ๆ ต่อไป
17- แม่บอกว่าจะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกเพื่อให้เป็นคดีตัวอย่าง เพราะมีคดีในทำนองนี้อีกมากที่ผู้ตายไม่สามารถปกป้องตัวเองได้และอยู่กับผู้กระทำผิดตามลำพัง เจ้าหน้าที่ก็อ้างว่าไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ กฎหมายก็ไม่เอื้ออำนวยที่จะช่วยเหลือ บางคดีเหยื่อมาจากครอบครัวธรรมดา ยากจน หรือไม่มีความรู้ทางกฎหมาย ไม่กล้าเรียกร้องความยุติธรรม ต้องทนรับความทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต
18- ความพยายามของแม่ทำให้ในปี 2557 คดีนี้ถูกรื้อขึ้นมาใหม่อีกครั้งเพราะมีหลักฐานเพิ่มเติม มีการเปลี่ยนพนักงานสอบสวนหลายหน กระทั่งในปี 2563 พนักงานอัยการก็ยื่นฟ้องหมอเอ (จำเลยที่ 1) และนางสาวบี (จำเลยที่ 2) ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
วันที่ลูกได้รับความยุติธรรม
19- ล่าสุดวันนี้ (23 ธ.ค. 64) ศาลพิพากษาว่า หมอเอกับนางสาวบีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ด้วยการร่วมกันโยนหมอศรุตลงจากระเบียงชั้น 4 เหตุเกิดจากเรื่องชู้สาวหึงหวง ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย
20- ศาลตัดสินให้จำคุกหมอเอกับนางสาวบีคนละ 15 ปี ทั้งสองให้การเป็นประโยชน์จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุกคนละ 10 ปี และให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 5 ล้านบาทแก่แม่ของหมอศรุต
21- แม่ซึ่งเดินทางมาฟังคำพิพากษาในวันนี้ด้วยได้ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ครอบครัวต่อสู้มานานเพราะมั่นใจว่าลูกไม่ได้ฆ่าตัวตาย และพิสูจน์กันด้วยพยานหลักฐานจากการหาความจริง จนในที่สุดความยุติธรรมก็มีอยู่จริง และแม่พอใจกับคำตัดสินแล้ว