หมอเพจสู้ดิวะอัปเดตรักษามะเร็งปอด โรคดุร้ายไม่ใจดีต้องกินยาวันละ20เม็ด
หน้าแรกTeeNee ข่าวร้อนโลกโซเชียล เป็นข่าว หมอเพจสู้ดิวะอัปเดตรักษามะเร็งปอด โรคดุร้ายไม่ใจดีต้องกินยาวันละ20เม็ด
สืบเนื่องจากกรณี เพจ "สู้ดิวะ" ของ นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล อายุ 28 ปี อาจารย์แพทย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อัปเดตอาการป่วยมะเร็งปอดที่มาอย่างไม่รู้ตัว และกลายเป็นกระแสในโลกโซเชียล
ล่าสุดคุณหมอไท ได้มาอัปเดตอาการป่วยผ่านเพจสู้ดิวะ อีกครั้ง พร้อมเล่าถึงกระบวนการรักษาตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาค่อนข้างสาหัส
โดยระบุว่า ...สวัสดีครับ ผมเองครับ หมอไทคนเดิม เพิ่มเติมคือร่างกายที่ผ่านอะไรหนักหน่วงมาเยอะพอตัว
ผมโพสต์ลงเพจนี้ครั้งสุดท้ายคือช่วงเดือนเมษายนปีนี้เลย เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็ถือว่าเป็นเวลากว่า 5 เดือนแล้วที่ผมหายไปจากวงการ
ไหนๆก็กลับมาเขียนเพจ งั้นผมสรุปในภาพรวม 5 เดือนที่ผ่านมาแบบเท่าที่ผมนึกออกเร็วๆให้ครับ โอเคผมได้รับการผ่าตัดสมอง ผมได้รับการฉายแสงที่สมอง และที่หลัง (ฉายหลายรอบ) ผมได้รับคีโมแล้วเกิดภาวะแทรกซ้อน ผมได้รับยาสเตียรอยด์ปริมาณมากและเป็นเวลานาน ผมมีลุ้นว่าจะเป็นโรคต่อมหมวกไตทำงานบกพร่องเพิ่มอีกโรค และผมก็เจอก้อนใหม่ขนาดใหญ่ซะด้วย โชคดีที่เรื่องอาการเองจะเด่นสุดที่เรื่องอภิมหาปวดครับ ถึงยังงั้นร่างกายผมก็ไม่สามารถเล่นบาสได้แล้วครับ ทุกวันนี้ผมกินยาวันละประมาณ 20 เม็ด เช้าก่อนอาหาร เช้าหลังอาหาร กลางวัน เย็น ก่อนนอน
5 เดือนที่ผ่านมานี้ เป็นช่วงเวลาที่ตัวโรคดุร้าย และไม่ใจดีกับผมเหมือน 6 เดือนแรกเลย
โหดร้ายขนาดที่ผมเองเกิดความคิดว่า "ผมจะทนกับความเจ็บปวดนี้ไปทำไมนะ" ผมจึงได้ปรึกษากับพี่หมอจิตแพทย์ครับ ผมได้รับยาต้านซึมเศร้าและยาจิตเวชตัวอื่นๆ
โหดร้ายขนาดที่ผมเองเกิดความคิดว่า "ผมจะทนกับความเจ็บปวดนี้ไปทำไมนะ" ผมจึงได้ปรึกษากับพี่หมอจิตแพทย์ครับ ผมได้รับยาต้านซึมเศร้าและยาจิตเวชตัวอื่นๆ
โชคดีมากครับ ที่ผมก็ยังมีวันนี้ ที่มาเขียนโพสต์นี้ให้กับทุกคนอยู่ เพราะสิ่งหนึ่งที่ผมตอบคำถามจากจิตแพทย์ของผม "ว่าอะไรทำให้ผมยังอยากมีชีวิตอยู่ล่ะ?" "ผมอยากเห็น ‘สู้ดิวะ' ได้ตีพิมพ์ครับ" ผมตอบอาจารย์ทั้งน้ำตา เพราะผมไม่รู้จริงๆว่า วันที่ ‘สู้ดิวะ' วางขายตามร้านหนังสือ ผมจะยังอยู่ไหม เอาจริงๆ ผมไม่สนด้วยซ้ำครับ ผมสนแค่ว่า ตัวแทนของความคิดผมได้เกิดขึ้นมาแล้วจริงๆ ผมเขียนเสร็จแล้วครับ
ผมเลือกสำนักพิมพ์ของพี่นิ้วกลม (เพราะผมเป็น FC พี่เขาครับ) ถ้าเอาตามหลักเหมือนส่งวิจัยไปตีพิมพ์นี่เหมือนกับผมส่งให้ editor โดยตรงเลยซึ่งถ้าในวงการวิจัย พวกเรารู้กันดีว่าแทบไม่มีการรับโดยไม่แก้ แต่งานนี้ของผม พี่นิ้วกลมบอกว่า "พี่ไม่แก้อะไรเลย เรามาตีพิมพ์กันเถอะ"
เอาจริงๆ เรื่องกระบวนการต่างๆนี้ผมแทบจะยกให้เพื่อนแม็กซ์ของผมจัดการหมดเลย เพราะผมก็มีกระบวนการรักษาร่างกายและลมหายใจผมที่ต้องจัดการเหมือนกัน แต่ก็ไม่น่าเชื่อครับ ว่าสุดท้ายแล้ว หนังสือ สู้ดิวะ ก็เดินทางมาถึงวันที่มีหนังสือรวมเล่มแบบจับต้องได้ Draft version ออกมาให้ผมและเพื่อนได้ชื่นชมกันเอง แต่ Final version นั้น ทุกคนจะได้ชื่นชมมันทางออนไลน์ 30 กันยายน 2566 ทางเพจ Roundfinger วางขายวันแรก 12-23 ตุลาคม 2566 ที่งานหนังสือ ณ ศูนย์ฯ สิริกิติ์ บูธสนพ. KOOB (H43) และทางหน้าร้านหนังสือทั่วประเทศ หวังว่าเราจะได้เจอกันครับ