ครั้งหนึ่ง...เคยมีฆาตกรโรคจิตเข้ามาแทงเพื่อนฉันถึงในโรงเรียน

ครั้งหนึ่ง...เคยมีฆาตกรโรคจิตเข้ามาแทงเพื่อนฉันถึงในโรงเรียน

เวลาผ่านไป 11 ปี แล้วสินะ .... ใครจำข่าวสะเทือนขวัญ กรณี หญิงโรคจิต บุกเข้าไปไล่แทงนักเรียนในโรงเรียนดังแห่งหนึ่ง กันได้รึเปล่า .... เชื่อว่า เหตุการณ์ครึกโครมและ สะเทือนขวัญ คนทั้งประเทศ นี้ น่าจะ เลือนหายไปจากความทรงจำของใครหลายๆคนไปแล้ว แต่สำหรับ ญาติ -พี่ น้อง ของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย และ เด็กๆนักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น คงไม่มีวันลืมเลือนไปได้ง่ายๆ อย่างเช่น เธอคนนี้ ที่ จำเรื่องราว วันนั้นได้ติดตา และ ขึ้นใจ เธอนำมาเล่าเเบ่งปันให้ได้ฟังกันผ่านทาง pantip.com ไปอ่านเรื่องราวของ 1 ใน ผู้อยู่ในเหตุการณ์นี้ เมื่อ 11 ปีก่อน กันค่ะ ...
-----------------------------------------------------------------

***กระทู้ย้อนรอยคดีดัง11ปีก่อน ครั้งหนึ่ง...เคยมีฆาตกรโรคจิตเข้ามาแทงเพื่อนฉันถึงในโรงเรียน (มุมมองผู้อยู่ในเหตุการณ์)*****

" เมื่อวันก่อน นั่งไถเฟสบุคไปเรื่อยเปื่อย เจอคนแชร์โพสๆนึงมา..."


ครั้งหนึ่ง...เคยมีฆาตกรโรคจิตเข้ามาแทงเพื่อนฉันถึงในโรงเรียน

เห็นหน้าก็ว่าคุ้นๆ.... อ้อ โจทย์เก่าโรงเรียนเราเอง...

จำคดีดังเมื่อ11ปีก่อนได้ไหมคะ ที่เคยเป็นข่าวครึกโครมกันไปทั่วประเทศ
จำช่วงเวลาที่ข่าวแทบทุกสำนัก หนังสือพิมพ์ทุกฉบับประโครมข่าวเรื่องนี้
จำความวุ่นวายในต้นเดือนกันยายน 2548
จำวันที่ 9 กันยายน 2548 มีฆาตกรสุดโรคจิตคนหนึ่ง วางแผนบุกเข้าไปแทงเด็กนักเรียน4คนถึงใน รร.ของตัวเอง

หลายคนอาจจำไม่ได้ (ก็แหงสิ เรายังลืมไปแล้วเลย 5555)

งั้นวันนี้ว่างๆพอดี เลยจะมาเล่าให้ฟังในฐานะผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ค่ะ...

  ****ขอบอกก่อนว่า เหตุการณ์ต่อไปนี้ เป็นมุมมองของตัวผู้เล่า (ก็คือ จขกท.) เมื่อ11ปีก่อน ที่ จขกท.เจอกับตัว บวกกับเรื่องราวของเพื่อนๆและพี่ๆ ที่เคยเล่าให้จขกท.ฟัง ก็ถือว่าเป็นเรื่องราว อุทาหรณ์หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เป็นเรื่องจริงตามที่จขกท. เห็น ได้ยิน ได้สัมผัส 100% จขกท. อาจไม่ได้เป็นผู้รู้ทั้งหมด ก็แค่1ในคนที่เคยร่วมเหตุการณ์สุดอันตรายนี้ ถ้าหากเล่าผิดถูกประการได้ก็ขออภัย...****

เราเป็นเด็ก รร. ที่เกิดเรื่องค่ะ (ไม่ขอระบุละกันนะคะว่าเป็นเด็กชั้นไหน เอาเป็นว่าอยู่ในช่วงวัยที่พอรู้เรื่องอะไรๆดีระดับนึงแล้ว)

โรงเรียนเราเป็นโรงเรียนเก่าแก่ ตั้งมาเกือบร้อยปี (ปัจจุบันเกินละ) เข้มงวดมาตลอด เรื่องระเบียบวินัยต้องขอคุยหน่อยเหอะ ว่าเข้มงวดมากๆและเป๊ะสุด แต่ขนาดความเคร่งครัดในกฎเบอร์นี้แล้ว แต่บทจะซวยมันก็ซวย... ใครจะรู้ว่าวันนั้นหวยจะมาออกที่ โรงเรียนเรา...

ขอเรียกวันนั้นว่าเป็นศุกร์สุดสยองในชีวิตละกัน ใครจะรู้ว่าเช้าวันธรรมดาแสนสุข จะเป็นวันที่โหดร้ายสุดในประวัติศาสตร์ของโรงเรียน...

วันนั้นอากาศเย็นสบาย เด็กๆไปโรงเรียน ทุกคนร่าเริงเป็นพิเศษเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ พรุ่งนี้จะได้หยุดไปเล่นไปพักตื่นสายได้ จนเหตุการณ์หนึ่งได้เกิดขึ้น...

"มีคนถูกแทง" นั่นคือประโยคแรกที่เราได้ยินคนคุยกันให้แซ่ด... เรามาถึงโรงเรียนประมาณ 7:30 กว่าจะรู้ตัวก็ยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่หน้าโรงเรียน... 

 
พ่อจอดส่งเราก่อนถึงโรงเรียนและขับไปอีกทาง ดังนั้นกลับตัวก็ไม่ได้แล้ว เรายืนเอ๋อค้างเติ่งด้วยความ งง จนมีครูเวรที่เฝ้าเด็กๆหน้าโรงเรียนมาสะกิดหลังอย่างแรง ครูถามว่าพ่อแม่เราอยู่ไหน มีโทรศัพท์ไหม รีบโทรให้พ่อแม่มารับกลับด่วนนะ เราบอกว่าพ่อกลับบ้านไปแล้ว ครูเลยให้เราไปยืนออกับเด็กๆกลุ่มนึง บอกว่าตอนนี้มีเรื่องนิดหน่อย เดี๋ยวครูจะพาเข้าโรงเรียนพร้อมกัน.. ให้รวมกลุ่มไว้ อย่าแตกแถวมองซ้ายขวา เราเห็นผู้ปกครองหลายคนสีหน้าหวั่นวิตก บางคนเริ่มสติแตก บางคนร้องไห้... มือเกาะลูกกรงกันแน่น มีคนเครียดจนลงไปนั่งกับพื้น บางคนทำท่าเหมือนจะเข้าไปในโรงเรียน บอกว่าลูกฉันอยู่ในนั้น... แต่ครูพละ2-3คนกับยามก็กั้นไว้ รอบตัวเราทุกๆอย่างมันชุลมุนวุ่นวายมาก เราได้ยินเสียงหวอไซเรนมาแต่ไกลแล้ว...

ในตอนนั้นแม่เพื่อนเราคนนึงเห็นเราเข้า หล่อนก็รีบวิ่งมาหา พูดเสียงสั่น "แม่ติดต่อ บี ไม่ได้เลย ถ้าเข้าไปในโรงเรียนแล้ว ฝากบอก บี (นามสมมุติ) ด้วยว่ารีบโทรกลับหาแม่ด้วย แม่โทรหาเขาไม่ติด" เราก็พยักหน้าเออออไป ทั้งที่ยังจับใจความไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น... แต่แม่บีสรุปคร่าวๆว่า มีคนร้ายเข้าไปแทงเด็กในโรงเรียน ตำรวจกำลังตามจับอยู่..


ครูภาษาอังกฤษเราคนหนึ่ง เดินมาบอกให้เราจับคู่จูงมือน้องประถม1คน และกำชับว่าจะนำพวกเราพาน้องๆไปส่งในห้องเรียนประถมต้นก่อนแล้วค่อยไปส่งที่ห้องเรียนพวกเรา ตึกเรียนประถมต้นอยู่ทางด้านซ้ายของสนาม แต่ประตูโรงเรียนเรา(ที่เปิดอยู่) มันอยู่ด้านขวา ครูบอกว่าไม่อยากให้เราไปเดินดุ่มๆกลางแจ้ง เลยใช้เส้นทางเลียบไปทางตึก (จากA ไปส่งน้องป1 ที่ ตึกB แล้วเลียบเส้นทางหน้าหอประชุมก่อนจะเข้าทางเดินระหว่างตึกเลียบไปถึงห้องเรียนเราที่ตึกC)

 

 


ครั้งหนึ่ง...เคยมีฆาตกรโรคจิตเข้ามาแทงเพื่อนฉันถึงในโรงเรียน

เราต้องก้มหัวและวิ่งเข้าโรงเรียน ทำตัวให้ชิด เดินเลียบกำแพงให้มากที่สุด ครูอังกฤษยังคงเดินนำเรากับเพื่อนๆอีก2-3คน ทุกคนจับมือคู่น้องประถมของตัวเองแน่น เพราะสิ่งสุดท้ายที่ครูฝากไว้คือ อย่าปล่อยมือน้อง ถ้าเรายังไม่ส่งน้องถึงห้องที่ปลอดภัยที่สุด ถ้านึกไม่ออกว่าวิ่งกันท่าไหน มันเหมือนพวกท่านินจาที่ย่องเข้าบ้านโชกุนไปลอบสังหารอ่ะ ....ความรู้สึกในตอนนั้นคือ... นี่โรงเรียนกุนะ.. นี่กุทำบ้าอะไรวะเนี่ยยย
ทำไมคนที่ต้องมากลัวสั่นงันงกต้องมากลายเป็นพวกเรา...


เด็กๆถึงห้องอย่างปลอดภัย หลังจากนั้นครูก็พาพวกเราจับมือต่อกันยาวเรียงขึ้นตึกของพวกเรา ..
ทีละชั้น ทีละชั้น... โดยที่ครูจะเป็นคนนำ ครูอีกคนคอยตามหลังแถว พอเห็นว่าทางปลอดภัย ก็ให้วิ่งตามครู


โรงเรียนที่มีนักเรียนเต็มไปหมดแต่กลับเงียบจนเหมือนป่าช้า เหมือนกับทุกคนพยายามจะเก็บเสียงของตัวเองให้เบาที่สุด เงียบที่สุด จนเป็นความเงียบตลอดเส้นทางที่เราขึ้นมา เงียบจนน่าขนลุก ตามทางขึ้นตึกเราแอบเห็นเลือดตามราวบันได และกองเลือดเล็กๆด้วย เราไม่รู้ว่าเพื่อนห้องอื่นทำยังไงหรือเป็นตายร้ายดียังไง เพราะทุกห้องปิดประตูใหญ่หมด (รร.เราห้องเรียนจะมีประตู2ชั้น คือประตูกระจกกับประตูไม้ที่เป็นประตูใหญ่ของแต่ละห้อง)

จนในที่สุด ก็มาถึงห้องเรา.. ครูส่งเราเป็นนักเรียนคนก่อนสุดท้าย...
เราจำได้ว่า ขนาดครูจะเคาะห้องตอนพาพวกเรามาส่งยังต้องพูดรหัสพูดชื่อกันเต็มๆชัดๆ เพราะกลัวว่าคนที่มาเคาะจะไม่ใช่ครู คือคนร้ายจิตไม่ปกติไง มันน่ากลัวที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดบ้าทำอะไรขึ้นมาอีก... ทุกคนได้แต่เซฟความปลอดภัยของห้องตัวเองกันทั้งนั้น...

พอเราเข้ามาในห้อง จำได้ว่าได้ยินเสียงเพื่อนร้องปรบมือกันใหญ่ เหมือนดีใจที่เรารอดผ่านสงครามเวียดนามมายังไงยังงั้น ..
ไม่รู้ห้องคนอื่นเป็นไง แต่ห้องเราทุกคนปิดห้องล็อกกลอนและเอาโต๊ะขวางฟีลแบบหนังซอมบี้มาก

ทุกคนเริ่มถามเราว่าข้างนอกเป็นยังไง หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มเล่าถึงสิ่งที่ได้ยินได้เห็นกันมา เพื่อนเราคนนึงร้องไห้ บอกเป็นห่วงเพื่อนคนนึงที่โดนแทง บางคนกลัวว่าเพื่อนคนอื่นๆจะยังติดอยู่ข้างนอก ห้องเราตอนนี้มีทั้งเพื่อนต่างห้อง เพื่อนห้องเดียวกัน ไม่มีใครรู้ว่าคนอื่นๆอยู่ที่ไหนกันแล้ว...

และความคิดตั้งแต่เริ่มว่าผู้ร้ายจะน่ากลัวสักแค่ไหนเชียว ..ก็ต้องขอถอนคำพูด จากคำบอกเล่าของเพื่อนๆในห้อง... เราเล่าเรื่องราวที่ต่างคนต่างได้รับกันมา มีคนเห็นกองเลือด มีคนบอกว่าโซน ม1 ฆาตกรวิ่งไล่ฟันบุกเข้าไปถึงห้อง มีคนบอกว่าเพื่อนร่วมชั้นของเราโดนแทง มีคนเห็นหน้าฆาตกร ...

มีคนบอกว่าเป็นผู้หญิงผมสั้น ในชุดสีแดงเลือดหมู ถือมีด....
.
.
และยิ้มให้...



ครั้งหนึ่ง...เคยมีฆาตกรโรคจิตเข้ามาแทงเพื่อนฉันถึงในโรงเรียน


ครั้งหนึ่ง...เคยมีฆาตกรโรคจิตเข้ามาแทงเพื่อนฉันถึงในโรงเรียน

ฆาตกรคนนี้หลุดเข้ามาได้ ทุกอย่างวุ่นวายมาก คือไม่มีใครเคยเจอเคสนี้มาก่อน แถมมีข่าวลืออีกว่าคนร้ายไม่ได้มีแค่คนเดียว...


ต่อมาทราบว่า คนร้ายได้มีการสังเกตุการณ์อยู่ถึง3ปี เตรียมการต่ออีกเป็นอาทิตย์ แถมมีการเลือกสถานที่ปฎิบัติการซึ่งตอนแรกจะไปอีกโรงเรียนนึงแทน แต่เกิดเปลี่ยนใจ มุ่งเป้ามา รร.เรา...
อีกทั้งยังมีการวางแผนเตรียมการก่อนหน้านั้นทั้งสำรวจทางเข้าออก ซื้ออาวุธ กระทั่งเข้าร้านดัดผมทำผมก่อนวันลงมือ)

แต่การเลือกเป้าหมายนางสยดสยองมาก คือถ้าเด็กคนไหนที่ตรงกับเป้าหมายที่นางหมายตา นางพุ่งเข้าไปแทงไม่ยั้งเลย นึกภาพฆาตกรโรคจิตที่ยืนยิ้มๆแล้วพุ่งเข้าใส่ (เป้าหมายนาง ถ้าอิงจากข่าวคือ เด็กที่เป็นลูกครึ่งแขก และไทยจีน ที่ดูร่ำรวย ) อีกทั้งคนร้ายคนนี้ยังเป็นโรคทางจิตเภทอย่างรุนแรง คือโรคจิตเภทชนิดหวาดระแวง...

ตอนนั้นคนโดนก็เป็นเด็กประถมปลาย1คน ม.ต้น 2-3คน อาการสาหัสรุนแรง โดนแทงทะลุปอด และอวัยวะภายใน เพื่อนคนหนึ่งที่ถูกแทงแล้วได้หนีขึ้นบันไดร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนเข้าไปหลบซ่อนตัวที่ห้องเรียนชั้นม.2 โดยเหยื่ออีก3คน ซึ่งอยู่บริเวณหน้าห้องเรียนชั้นม.2/1 และม.2/3 ขณะนั่งคุยกับเพื่อนนักเรียนก็ถูกคนร้ายวิ่งชาร์ตเข้ามาแทง ซึ่งขณะเกิดเหตุ 1ในเหยื่อนั่งอยู่ที่หน้าห้องน้ำ ใกล้กับห้องเรียนที่ห้อง 5 เห็นคนร้ายวิ่งไล่แทงเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆมาตั้งแต่หน้าห้องเรียน 1 และเมื่อคนร้ายเข้ามาใกล้ ก็ไม่สามารถหนีได้ทัน จึงถูกคนร้ายใช้มีดแทงเป็นรายที่ 3


คือใครจะรู้ว่าวันหนึ่งจะมีคนบ้าวิ่งบุกมาถึงกลางห้อง เด็กหลายคนวิ่งแตกกระเจิง บางคนยังนั่งช็อก บางคนกลัวจนเสียสติกระโดดลงจากหน้าต่างระเบียงข้างหลัง ขาหัก ตะปูตำ บางคนหลบใต้โต๊ะ ทุกอย่างที่อยู่ในหนังเซอร์ไวเวิลเกิดขึ้นจริงค่ะ... พี่ๆจากห้องที่รอดมาได้เคยเล่าติดตลกว่า..

"กุต้องหลบใต้โต๊ะแล้วกลั้นหายใจ ความรู้สึกมันเหมือนถ้าหายใจแล้วเค้าจะได้ยินเสียงแล้วจะฆ่ากุได้ทันที..."ขนาดเหยื่อถูกหามไป รพ.แล้ว แต่ทุกคนใน รร.ยังแพนิคกลัวว่าฆาตกรยังอยู่ใน รร.

ตอนนั้นสื่อโซเชียลยังไม่กว้าง เราไม่มีไลน์ เฟส ทวิต อะไรเลย มือถือเราเป็นโนเกียแบบเลื่อนโง่ๆ
ข้างในไม่รู้ข้างนอกเป็นยังไง ข้างนอกไม่รู้ข้างในเป็นยังไง ได้แต่โทรบอกข่าวกันมากกว่า ซึ่งตอนนั้นเราก็ตังค์มือถือหมด โทรหาใครไม่ได้เลย

เราจำไม่ได้แล้วว่ากี่โมง เรานั่งรอเสียงประกาศกันนานมาก ตอนนั้นเราเริ่มปวดฉี่
จำได้ว่าเดินไปขอครู3-4รอบ โดนปฎิเสธทุกรอบ ครูบอก "เธอควรทนหน่อย ... เวลานี้ใครใช้ให้ปวดเนี่ยย"

เอ้า พูดซะยังกะมนุษย์เราเลือกเวลาปวดฉี่ได้TT

หน้าเราคงเริ่มเขียวแล้วมั้ง บอกกับมีเพื่อน2-3คนขอเข้าร่วมขบวนการแก๊ง "ต้องออกไปฉี่ให้ได้"
ครูเลยเอาก็เอา บอกให้จับมือต่อๆกัน ...พาไปห้องน้ำ(เดินท่าเดียวกับตอนขามา)... มีเวลาทำธุระแค่5นาที และต้องรีบกลับห้อง...
.
.

.... มันเป็นการไปเข้าส้วมที่รู้สึกอันตรายที่สุดในชีวิต...


ส่วนผู้ปกครองเด็กหรอ ในตอนนี้พ่อแม่เด็กเกาะรั้วร้องไห้เป็นลมเป็นแล้งอยู่หน้า รร. ไปแล้ว เพราะตำรวจล้อมรั้ว กันไม่ได้เข้า จนกว่าจะแน่ใจว่ายังจับคนร้ายได้และมั่นใจว่าไม่มีคนร้ายคนอื่นอยู่ในโรงเรียน จนเกือบบ่ายคล้อยๆโน่น กว่าจะปล่อย และถึงตอนนั้นฆาตกรคนนี้ก็ลอยนวลไปไกลแสนไกล จากข่าวรายงานว่า...มีพยานเห็นคนร้ายคนนี้สะพายกระเป๋าดำ ในมือถือถุงคล้ายขยะ ว่าจ้างไปทางถนนสาทร โดยคนร้ายได้นำถุงขยะในมือไปทิ้ง จากนั้นก็โดยสารต่อ และเมื่อถึงที่หมายได้จ่ายเงินค่าจ้าง 100 บาท แต่ถอดหมวกกันน็อคไม่เป็น พยานจึงช่วยถอดและพบรอยเลือดที่แก้มซ้าย พยานจึงสอบถามว่าไปโดนอะไรมา แต่คนร้ายไม่ตอบ พอมาทราบว่ามีคดีแทงนักเรียนโรงเรียนเซนโยเซฟ ก็จำได้ จึงเข้าพบพนักงานสอบสวนและพาไปค้นถังขยะดังกล่าว จนพบอาวุธมีดที่ทิ้งไว้ ขณะที่เพื่อนวินรถจักรยานยนต์รับจ้างเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้หญิงคนนี้เคยว่าจ้างให้ติดตามนักเรียนอยู่หลายครั้งนาน 2-3 ปี แล้วก็หายไป ต่อมาก่อนเกิดเหตุ 3-4 เดือน พบคนร้ายกลับมาอีกครั้งหนึ่งปลอมตัวไปทำร้านอาหารเป็นสาวเสิร์ฟร้านอาหารแห่งหนึ่งอย่างหน้าตาเฉย ...

2-3ปี... เราว่ามันเกินกว่าการลงมือทำเพราะจิตผิดปกติแล้วมั้ง...มันคือการวางแผนฆ่า...

สำหรับการทำงานของนักข่าวในยุคนั้นก็บันเทิงดีค่ะ...ปีนรั้ว เกาะกำแพงโรงเรียนรัวชัตเตอร์กันไป... วุ่นวายสุดๆ

ปล 1 ไม่มีใครเป็นอะไรอีกหลังจากนั้นค่ะ โรงเรียนมีระบบความปลอดภัยแน่นหนาอันดับต้นๆ ตรวจเช็คกันยิ่งกว่า ตม. ยามก็ถูกเปลี่ยนเซตใหม่หมด

ปล2 เด็กๆทุกคนปลอดภัยค่ะ แต่เราไม่รู้อยู่ดีว่าบางคนสภาพจิตใจยังโอเคอยู่ไหม...

ปล3 หลังจากนั้น น่าจะสักปี2013 เหมือนคนร้ายถูกปล่อยตัว...มีคนเห็นมาป้วนเปี้ยนแถว รร. เราอีก ซึ่งเราโคตรไม่เข้าใจเลยว่าทำไมปล่อยให้คนแบบนี้ยังมาวนเวียนหลอกหลอนกันอยู่ได้ แล้วคนร้ายขนาดนี้ไม่มีกฎหมาย หลักประกันอะไรครอบคลุมได้เลยหรอ...

ที่มาจาก :: คุณ สมาชิกหมายเลข 912698 สมาชิกเวบไซต์ pantip.com

 

 


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์