เรื่องราวนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นกับใครได้บ่อยๆ เรื่องมันมีอยู่ว่า เราออกจากบ้านมาทำงานหาเงินเองตอนอายุ 20 ปี แต่เพราะเราเรียนมาไม่สูงงานที่พอจะหาได้ก็คือตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟเท่านั้น พอเข้าไปทำงานเราก็ได้รู้จักกับสามี เขาเป็นพ่อครัวของร้าน เนื่องจากเราสองคนอายุต่างกันไม่มาก ก็เลยไปไหนมาไหนด้วยกัน คุยกันถูกคอ พื้นฐานทางบ้านก็ไม่ต่างกันนัก ไม่นานเขาก็เลยขอเราเป็นแฟน
ต่อมาเราตั้งท้อง สามีก็ให้เราออกจากงาน เขาว่างานเด็กเสิร์ฟเหนื่อยเกินไปสำหรับคนท้อง ตอนแรกเราก็ไม่ยอม การให้เขาหาเงินคนเดียวเลี้ยงครอบครัวเป็นงานหนักเกินไป แต่เขาอยากให้เราออกมาอยู่สบายๆดูแลลูกให้ดี เราก็เลยขัดไม่ได้ หลังจากนั้นสามีก็ทำงานหนักขึ้น หลังเลิกงาน ก็ยังรับจ้างล้างจานต่อ เสาร์อาทิตย์ก็ไปรับงานนอก เขาทำงานหนักมากเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว แต่เขาบอกเราเสมอว่า เขาไม่เหนื่อย เขาทนได้เพื่อเรา เพื่อลูก
หลายเดือนต่อมาเราก็คลอดลูกสาวหน้าตาน่ารักให้เขาคนนึง เขามีความสุขมาก บอกว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายเขาก็รักทั้งนั้น สามียังทำงานหนักเหมือนเดิม เขาว่าต้องหาเงินให้เยอะขึ้นเพื่อลูก ลูกสาวเราก็เป็นเด็กดี เลี้ยงง่าย นานวันเข้าเราก็เบื่อไม่มีอะไรทำ ก็เลยเริ่มแชทในแอพพลิเคชั่นเพื่อรู้จักเพื่อนใหม่ เราเริ่มคุยกับพง เขาอ่อนกว่าเรา 5 ปี เป็นฟิตเนสเทรนเนอร์ หน้าตาดี หุ่นดี เราคุยกันถูกคอ ไม่นานพงก็ชวนเราออกไปกินข้าว หลังจากนั้นก็ไปดื่มต่อ เราดื่มไปไม่น้อย พงก็เลยพาเราเข้าโรงแรม แล้วเราสองคนก็มีอะไรกัน แม้ว่าเราจะมีลูกมีสามีแล้ว แต่การคุยกับพงทำให้เรารู้สึกว่าเรากลับไปเป็นวัยรุ่นเพิ่งมีความรักใหม่อีกครั้ง เราเริ่มติดพง พงก็บอกว่าขาดเราไม่ได้ เราก็เลยตัดสินใจขอหย่ากับสามี สามีเราไม่พูดอะไรก้มหน้าเซ็นต์ชื่อในใบหย่าให้ตามที่เราต้องการ แต่เขาขอสิทธิ์ในการดูแลลูกเอง เราก็ตามใจเขา เพราะคิดว่าถ้าการต้องออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับพงโดยมีลูกสาวติดไปด้วย คงไม่สนุกนัก ตอนนั้นเราคิดแค่ว่าทำยังไงก็ได้ให้ได้อยู่กับพงก็พอแล้ว
หลังจากย้ายมาอยู่กับพงได้ 6 เดือน เราก็ถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเต้านม ต้องผ่าตัดเอาเต้านมทั้งสองข้างออก เราพยายามติดต่อพง อยากให้เขามาดูแลที่โรงพยาบาล มาช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับเขาเราก็ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย จนเงินเก็บแทบไม่เหลือ แต่เขาก็บอกว่ายุ่งนู่นนี่มาไม่ได้ โรงพยาบาลก็เริ่มทวงค่ารักษา เราก็ขอผลัดไปก่อน 4-5 วัน เราคิดถึงสามีเก่า แต่ก็ไม่กล้าแบกหน้าไปขอความช่วยเหลือ พอดีกับเขาส่งเมจเสจมาบอกว่า เขากำลังจะแต่งงานใหม่ อยากให้เรามาร่วมยินดี ลูกสาวก็อยากเจอเรา
ดูเหมือนว่า สามีเก่ากำลังมีความสุข ในขณะที่เรากำลังหมดสิ้นหนทาง น้ำตาเราไหลพรากเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เราลุกจากเตียงคนไข้ เปลี่ยนชุดแล้วรีบตรงไปที่บ้านสามีเก่า ทุกคนในบ้านกำลังวุ่นวายกับการเตรียมงาน เราเห็นลูกสาววัยสองขวบเล่นอยู่หน้าบ้าน แกเห็นเราก็ดีใจรีบวิ่งมาหา เราก็เลยอุ้มแกกลับบ้านมาด้วยเลย
วันต่อมาเรากับลูกสาวแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าๆขาดๆไปร่วมงาน เราอยากหักหน้าสามีเก่า เมื่อเราเดินเข้าไปในงานเขาก็ตะลึง เราเห็นรอยดำรอบของตาของทั้งเขาและเจ้าสาว ทั้งคู่คงจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะมัวแต่ตามหาลูกสาว เจ้าสาวดึงเราไปข้างๆแล้วยื่นสมุดบัญชีให้เรา เธอว่า : “ฉันและสามีรู้ว่าเธอเป็นมะเร็ง และต้องผ่าตัด แต่เรากลัวเธอไม่ยอมรับเงินนี้ ก็เลยชวนเธอมางานแต่งงาน แล้วก็กะว่าจะให้ลูกสาวเป็นคนมอบมันให้เธอ เธอรับไว้ซะนะ” ตอนแรกเราคิดว่ามันจะเป็นเศษเงินที่พวกเขาเอามาขว้างหัวเรา แต่ที่ไหนได้พอเราเปิดออกดู ข้างในมีเงินถึง 1 ล้าน
เราเคยทรยศสามี แต่เขากลับทำอย่างนี้กับเรา ความรู้สึกละอายใจพุ่งล้นมาถึงคอ เจ้าสาวขอร้องให้เรากับลูกสาวกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาใหม่ เธออยากให้เราอวยพรให้ และไม่อยากให้ญาติๆเอาไปหัวเราะเยาะได้
น้ำตาเราไหลพรากออกมา เรารู้ตัวแล้วว่าเราได้สูญเสียผู้ชายดีๆที่รักเรามากที่สุดไปแล้ว คงมีแต่ผู้หญิงดีๆแบบเจ้าสาวคนใหม่ของเขาเท่านั้น ที่เหมาะสมกับเขา