อวสานสายเปย์ ทุ่มเทให้ทุกสิ่งสุดท้ายไม่เหลืออะไรเลย

อวสานสายเปย์ ทุ่มเทให้ทุกสิ่งสุดท้ายไม่เหลืออะไรเลย


ชาวเน็ตแห่แชร์ประสบการณ์ความรัก และ ชีวิตคู่ที่ช้ำและราคาแพงสุดๆ จากสมาชิก pantip.com ระบุ

"พอดีได้อ่านกระทู้หนึ่ง แล้วนึกย้อนถึงชีวิตตัวเอง เลยอยากจะเล่าให้คนอื่นได้ฟัง เผื่อใครที่อยู่ในสถานะแบบนี้จะได้ฉุกคิดแล้วหาทางออกได้บ้าง

ผมคบกับอดีตแฟนมา 11 ปี แบคกราวน์เดิมของผม ผมเป็นลูกกำพร้า ป้าเป็นคนเลี้ยงดูมา ส่งเสียจนจบเพาะช่าง จากนั้นป้าก็เสีย จากผมไป ชีวิตผมเหมือนอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด ยอมรับว่าผมเป็นคนโหยหาความรัก อยากมีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น

แฟนผม มาจากครอบครัวที่อบอุ่นมีพร้อมทั้งพ่อและแม่ พ่อทำงานคนเดียว แม่เป็นแม่บ้าน มีพี่สาวน้องสาว เธอเป็นคนสวยน่ารัก นิสัยออกจะเอาแต่ใจหน่อยๆเพราะเป็นลูกคนกลาง แต่โดยรวมเธอเป็นคนดี เธอเรียนจบปวส. จากสถาบันใกล้ๆกับผม เราเลยได้รู้จักกัน

ช่วงแรกที่เราคบกัน ผมค่อนข้างต้องฝ่าฟันอุปสรรคเยอะมาก ทั้งคนที่มาจีบเธอก็เยอะ และครอบครัวเธอที่หวงเธอมาก แต่สุดท้ายเราก็ได้รักกัน จุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมได้ก้าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเธออย่างเต็มตัว ก็เพราะ พ่อของเธอป่วย สุดท้าย ออกจากงาน และพ่อเป็นหนี้สินหลายอย่าง พอไม่มีงานทำ เค้าก็มายึดทรัพย์สินที่เค้ายึดได้ไป ตอนนั้นแฟนผมและครอบครัวเครียดมาก วิ่งวุ่นหมุนเงินกันตลอด ผมเลยได้เข้าไปช่วย โดยเริ่มจากให้ยืมเงินเก็บที่ผมมีอยู่ ( ป้าเสียทิ้งสมบัติไว้ให้เล็กน้อย และผมมีเงินเก็บอยู่บ้าง ) จากนั้นมา ผมก็ได้เข้ามานอกออกใน รับรู้รับฟังแทบจะทุกปัญหาในครอบครัวของแฟน

เมื่อได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแฟน การที่ผมยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือในครั้งนั้น ทำให้แม่โอนอ่อนกับผมมาก เรียกผมว่าลูก และดูรักและเอ็นดูผม ผมสามารถไปนอนค้างที่บ้านแฟนได้ ( แต่นอนรวมกันกับทุกๆคนในครอบครัว) ผมมีความสุขมาก ที่ได้ใช้ชีวิตแบบครอบครัวที่ผมเคยฝันไว้ มีพ่อ มีแม่ มีน้องสาวพี่สาว และมีคนที่ผมรัก

จากจุดเริ่มต้นจุดนั้น ทำให้ผมถลำลงไปเรื่อยๆ กับการเข้าไปช่วยเหลือครอบครัวนี้ เรียกได้ว่า เงินทุกบาทที่ผมหาได้แต่ละเดือน ผมแบ่งให้แฟนผมทั้งหมด ให้เค้าเอาไปให้พ่อแม่ใช้หนี้สิน จับจ่ายใช้สอยในบ้าน (ช่วงนั้นเงินที่บ้านแฟนได้มาจากผมและแฟน พี่สาวแฟนแต่งงานไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร ส่วนพ่อแฟนป่วยเป็นอัมพาต ไม่สามารถทำงานได้ ) ส่วนผมกินแค่มาม่าเอา บางวันก็ไปอาศัยนอนที่บ้านแฟน ก็กินข้าวกับแฟน

ขอเล่ารวบๆนะครับ ก็เป็นแบบนี้ซัก 5 ปี ที่ผมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของบ้านแฟน เอาเงินเดือนแทบทุกบาทที่มีให้บ้านแฟนใช้จนหมด หนี้ที่มีก็น้อยลงเรื่อยๆ แม่แฟนอยากให้แฟนมีอนาคตที่ดี อยากให้ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย ผมเองก็เห็นด้วยและสนับสนุนเต็มที่ และเป็นคนเสนอไปเอง ว่าผมจะหาเงินส่งแฟนเรียนเอง แฟนเลยไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเปิดที่หนึ่งที่ไม่แพงมากนัก ส่วนผมการที่จะได้เงินมาเยอะๆพอที่จะเลี้ยงดูบ้านแฟนและส่งแฟนเรียน ลำพังงานเดิมคงไม่ได้ ผมเลยดิ้นรนหางานที่ได้ค่าตอบแทนดี จนได้งานแถวด่านชายแดนภาคใต้แห่งหนึ่ง คำนวณดูแล้ว เงินที่ได้แต่ละเดือนก็น่าจะพอจับจ่ายใช้สอยอยู่ แต่ผมต้องย้ายไปอยู่ตจว. ไม่ได้อยู่ใกล้แฟน แต่เพราะความจำเป็นผมก็ต้องทำ

ผมย้ายมาอยู่ภาคใต้ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ วันหยุดก็รับจ๊อบอื่น อะไรที่หาเงินได้ผมทำหมด แต่ละเดือนส่งมาให้บ้านแฟนเกือบทั้งหมด เหลือเอาไว้ใช้จ่ายส่วนตัว ค่าห้องเช่าเท่านั้น จะได้กลับกรุงเทพก็ปีละ 2 ครั้ง คือปีใหม่กับสงกรานต์ ที่จะได้ไปเจอหน้าแฟนไปบ้านแฟน (ที่ผมรู้สึกว่าคือบ้านผม คือครอบครัวผม ) ปีแรกๆ แฟนก็มาเยี่ยมผมบ้างตอนผมปิดเทอม แต่ปีหลัง ๆ แฟนเรียนหนัก ก็ไม่ได้มาหา แต่เราก็คุยกันทุกวัน เมื่อก่อนเป็นโทรศัพท์ หลังๆมีไลน์ก็ใช้ไลน์ ต่อมามีวีดีโอคอลก็ดีหน่อยยังพอได้เห็นหน้า

จนแฟนเรียนจบได้ใบปริญญา ทุกคนดีใจและปราบปลื้มกันมาก แฟนเริ่มทำงานตามสายงานที่เธอเรียน ส่วนผมก็ยังทำงานอยู่ใต้เหมือนเดิมส่งเงินให้บ้านเธอเหมือนเดิม เพราะอยากให้เธอได้เก็บไว้สำหรับการแต่งงานของเรา

พอแฟนเรียนจบ แม่ก็คุยกับผมเรื่องการแต่งงาน แม่บอกว่า บ้านแม่ไม่มีทรัพย์สินอะไรจะให้ ก็เป็นหน้าที่ของเรา 2 คนที่จะหามากันเอง แต่แม่ขอสินสอดซัก 500,000 ชาวบ้านจะได้ไม่ครหา ตอนนั้นผมไม่คิดอะไร คิดว่าเงิน 500,000 ผมพอจะหาได้ เพราะไม่ต้องส่งเสียแฟนเรียนแล้ว และแฟนก็มีเงินเดือน พอที่จะมาใช้จ่ายภาระบ้านเค้าช่วยผมได้ ผมก็เลยตอบตกลงแม่ไป ว่าผมจะจัดการตามที่แม่ต้องการ

พอแฟนผมทำงานได้เงินมาให้ที่บ้านใช้จ่ายร่วมกับเงินที่ผมส่งให้ โดยไม่ต้องแบ่งไปเป็นค่าส่งเสียเรื่องเรียนหนังสือ สถานการณ์ทางบ้านแฟนก็ดีขึ้น การเงินผ่อนคลายขึ้น แม่อยากได้อะไรก็ได้ซื้อ แม่อยากกินอะไรก็ได้กิน ผมก็มีความสุขมาก เพราะคิดไว้เสมอว่าแม่รักเราเหมือนลูกคนหนึ่ง

จนมากลางปีที่แล้ว เหมือนฟ้าผ่ามากลางหัวกลางวันแสกๆ อยู่ๆวันหนึ่ง แฟนก็ไลน์มาบอกเลิกผม บอกว่าต่อไปนี้ไม่ต้องติดต่อกันแล้วนะ เค้ารู้สึกเฉยๆกับเราแล้ว ขอให้จบกันด้วยดี ในสมองผมมึนงงไปหมด เมื่อสงกรานต์ยังรักกันดี ยังไม่อยากให้ผมกลับไปอยู่ใต้ อยากให้ผมย้ายมาทำงานที่กรุงเทพ ทำไมผ่านไป 2 เดือนจู่ๆถึงมาขอเลิก ผมไม่เข้าใจ คำถามมากมายจุกอยู่ตรงปาก ตัวชาหน้าชา เหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เหมือนเลือดไหลจากหัวลงปลายเท้าจนหมดตัว มันชาไปทั้งตัว

จากนั้นโทรหาเค้า เค้าก็ไม่รับ และบล็อกทั้งไลน์ บล็อกโทร บล็อกทุกอย่างไม่ให้ผมติดต่อได้ ผมโทรหาแม่เค้าไลน์หาแม่เค้า แม่เค้าก็ไม่ตอบ ไม่อ่านไลน์ โทรหาเพื่อนเค้า เพื่อนเค้าก็บอกว่าไม่รู้ไม่เห็น ผมไม่เข้าใจเกิดอะไรขึ้น สับสนและว้าวุ่นใจมาก และเสียใจอย่างที่สุด เหมือนกำลังอยู่ในฝันร้าย พอเคลียร์งานได้ผมก็รีบเข้ากรุงเทพ ไปหาเค้ากับแม่ที่บ้าน ทีแรกแม่ไม่ยอมให้ผมเข้าบ้าน แต่ผมนั่งรอตากฝนจากเช้าจนเย็นก็ไม่เปิดบ้านให้ มันจุก มันอึ้ง ผมเดินงงๆออกมาจากบ้านนั้น มารู้ตัวอีกทีอยู่ท่ารถที่จะกลับใต้แล้ว

4 เดือนถัดมา ได้ข่าวอีกที คือ แฟนผมแต่งงาน กับคนที่อยู่ที่ทำงานเดียวกัน มีฐานะ มีหน้ามีตา ที่จะเชิดหน้าชูตากันได้ ผมลองโทรหาเพื่อนสนิทเธอ ขอให้เธอเล่าทุกเรื่องให้ฟัง นึกว่าสงสารผมเถอะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมไม่เข้าใจ ว่าผมผิดพลาดที่ตรงไหน สงกรานต์ยังบอกว่ารัก อีก 2 เดือนถัดมามาบอกเลิก เพื่อนเล่ามาว่า แฟนผมเค้าพบกับผู้ชายคนนี้ตอนทำงานด้วยกัน ผู้ชายมีบ้านมีรถ มีพร้อมทุกอย่างเข้ามาจีบ และไปมาหาสู่กับที่บ้านแฟนผม มาคอยเอาใจแม่ จนสุดท้าย แฟนผมก็ตัดสินใจเลือกผู้ชายคนนี้

ผมโทรไปคุยกับแม่แฟน ยอมรับว่าพูดไม่ดี เพราะโมโห ว่าแม่รู้เห็นเป็นใจกันกับเค้าใช่ไหม ทำไมแม่ไม่นึกถึงใจผมบ้าง ไม่นึกถึงสิ่งที่ผมเคยทำให้ แม่ไม่คิดว่าผมเป็นลูกหรอกเหรอถึงทำกันแบบนี้ แม่ตอบมาว่า จะให้แม่ทำยังไง ผมเองจบอะไรมา ลูกสาวเค้าจบอะไร ชีวิตลูกเค้ากำลังจะก้าวไปถึงไหนต่อไหน ส่วนผมทำงานอยู่ด่านชายแดน ชีวิตมันไปกันคนละทางแล้ว และผู้ชายคนนั้น เค้ามาแบบพร้อมทุกอย่าง ส่วนผมแม่รอแล้วรอเล่าให้ผมเก็บเงินที่แม่ขอไว้ให้ แต่ผมก็เก็บไม่ได้ซะที แม่ไม่เห็นทางว่าผมจะสำเร็จในชีวิต ลูกเค้ากำลังจะก้าวหน้า มีชีวิตที่ดี ให้จบกันด้วยดี เลิกแล้วต่อกัน ประมาณนี้ครับ หลักๆที่ผมจับใจความได้ ตอนนั้นหูมันอื้อไปหมด ตาพร่า เสียใจ เจ็บใจ แค้นใจปนกันบอกความรู้สึกไม่ได้เลย

ผมแทบบ้าอยู่ 6 เดือน จนพอเวลาผ่านไป มองย้อนกลับไป ก็ได้แต่สมเพชตัวเองครับ อวสานสายเปย์จริงๆ ทุ่มเททั้งใจและเงินทองให้ไป สุดท้ายไม่ได้อะไรคืนมาเลย คิดว่าเค้ารักเราเหมือนลูก แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่ ผมเจ็บตรงนี้ยิ่งกว่าแฟนเลิกไปมีคนใหม่อีกครับ ชีวิตครอบครัวที่ผมไฝ่ฝัน มันเป็นแค่ในจินตนาการ

      สุดท้าย ตอนนี้ผมคิดว่าผมผ่านมันมาได้แล้ว เลยอยากจะมาขอให้สติเตือนใจ สายเปย์ทั้งหลาย ไม่ว่าหญิงรึชาย ให้คุณเผื่อใจไว้ ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน อะไรก็เปลี่ยนแปลงกันได้ เมื่อถึงวันนั้น ขอให้คุณรักตัวเองให้มากๆ โชคดีครับ"


อวสานสายเปย์ ทุ่มเทให้ทุกสิ่งสุดท้ายไม่เหลืออะไรเลย

Cr::: pantip.com/topic/36579550

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์