เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ต่างประเทศได้นำเสนอเรื่องราวของชาวเน็ตท่านหนึ่ง โดยเรื่องราวระบุว่า.. แม่ยายผมป่วยและผมได้ไปเยี่ยมเธอ แต่ไม่คาดคิดว่าภรรยาผมจะไปอยู่กับแม่ยายสะก่อน แถมสองคนยังได้ทะเลาะกัน... พอได้ยินสาเหตุที่พวกเธอทะเลาะกันเท่านั้น ผมเกิดความคิดอยากจะขอหย่าขาดกับภรรยาทันที!
ผมได้พบกับภรรยาของผมโดยมีคนแนะนำ เธอเป็นคนหน้าตาดีและเป็นคนพูดง่าย อีกอย่างฐานะของครอบครัวเธอก็ดี ผมรู้สึกพอใจกับเธอคนนี้มาก เราต่างก็มีอายุทั้งคู่แล้ว ถ้าจะหาคนที่เหมาะสมกว่านี้ก็คงยาก ไม่นานเราสองคนก็ได้เป็นแฟนกัน
ต่อมาก็ได้ทราบว่า เธอมีน้องชายอายุ 7 ขวบคนหนึ่ง ตอนนี้กำลังเข้า ป. 1 แม่เธอเพิ่งได้ลูกชายในตอนแก่ ทุกครั้งที่เห็นน้องชายเธอเรียกทุกคนอย่างมีมารยาท ผมนี่ยิ่งชอบน้องชายคนนี้เอามากๆ คือทุกคนในครอบครัวต่างรักน้องชายคนนี้เป็นพิเศษ
พอผมกับแฟนได้คบกันสักพักหนึ่ง เราก็ตัดสินใจแต่งงานกัน ชีวิตหลังแต่งงานก็แสนดี ภรรยารักผมมาก ทำงานบ้านก็เก่ง พ่อแม่ผมทั้งพอใจและชอบเธอมากๆ ผมนี่ยิ่งรักเธอเข้าไปใหญ่ ตามใจเธอทุกอย่าง พยายามเอาใจใส่ดูแลเธอให้ดี
ผมก็เคารพพ่อตาของผมนะ รู้ว่าพวกเขาอายุมากแล้วยังต้องเหนื่อยดูแลน้องชายคนเล็ก ถ้ามีเวลาผมก็จะซื้อขนมแวะไปหาและช่วยสอนการบ้านให้กับน้องชาย น้องเขาเป็นคนฉลาด พูดคุยก็สนุกดี ปากหวานด้วย ทำเอาผมชอบน้องคนนี้มากๆ น้องชายคนนี้หน้าคล้ายกับภรรยาของผมมาก ทุกครั้งที่เราออกไปข้างนอกกัน มักจะมีคนทักเราว่า: เราดูเหมือนเป็นพ่อแม่ลูกกัน และทุกครั้งที่มีคนทักแบบนี้ ภรรยาของผมก็จะเกิดความไม่พอใจและโกรธ ดูเหมือนว่าเธอใส่ใจกับเรื่องนี้ไม่ใช่น้อย
พอเราแต่งงานได้ 6 เดือน ภรรยาของผมก็เกิดตั้งครรภ์ ผมให้เธอพักอยู่ในบ้านไม่ต้องทำไร และว่างๆเธอก็จะกลับไปอยู่กับครอบครัวของเธอ วันนั้นแม่ยายป่วยไม่สบาย ผมเลยตัดสินใจลางานไปเยี่ยมแม่ยายที่บ้าน เมื่อผมถือดอกไม้มาถึงหน้าบ้านของแม่ยาย ก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันของแม่ยายและภรรยา แม่ยายกล่าวว่า: "อย่าให้สามีรู้เรื่องนี้เด็ดขาด ต้องรักษาชีวิตที่มีอยู่ในปัจจุบันให้ดี กว่าจะมาถึงวันนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าสามีคุณรู้ทุกอย่างก็คงต้องจบลง"
"แต่ฉันอยากจะเห็นหน้าลูก!" ภรรยาพูดด้วยเสียงเศร้า "ฉันเป็นยายของเด็กคนนี้ ฉันดูแลเขาดีอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างเด็กคนนี้เรียกฉันว่าแม่ตั้งแต่เกิด และตอนนี้เขาก็เข้าใจว่าฉันเป็นแม่แท้ๆของเขา และคนข้างนอกเขาก็เข้าใจกันอย่างนี้มา ลูกอย่าทำให้เสียเรื่องเลย แม่ก็เคยบอกแล้วว่าอย่าเอาลูกคนนี้เลย แต่ลูกก็ไม่ฟัง พอคลอดออกมา สุดท้ายแม่ก็ต้องมาแบกภาระแทน ตอนนี้ชีวิตของลูกกำลังดี อย่าทำพลาดอีกเลย"
และแล้วผมก็ได้รู้ความจริง ที่แท้เด็กชายคนนั้นเป็นลูกชายของภรรยาผมนี่เอง เพื่อให้ลูกสาวสามารถมีชีวิตที่ดี พ่อแม่จึงต้องมาแบกภาระนี้แทน และโกหกกับทุกคนว่า พวกเขาได้ลูกชายในตอนแก่ ผมรักครอบครัวและภรรยาของผม ตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์ และผมก็รักลูกผมที่อยู่ในครรภ์เช่นกัน แต่พอนึกถึงการหลอกลวงของเธอและทางบ้านเธอ ผมก็รู้สึกอึดอัดและเสียใจ ผมควรแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอีกต่อไปหรือ?