เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ต่างประเทศได้นำเสนอเรื่องราวของชาวเน็ตท่านหนึ่ง โดยเรื่องราวมีอยู่ว่า.. ผมกับหยารู้จักกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย ตอนเรียนคบกันอยู่ 3 ปีครึ่ง ความสัมพันธ์ของพวกเราค่อนข้างดี พวกเราเลยตัดสินใจกันว่าเรียนจบแล้วจะแต่งงานกันก่อนค่อยหางานทำ พวกเรามีความคิดว่ามีครอบครัวที่มั่นคงก่อน แล้วค่อยหางานจะหาง่ายกว่า
พอคนที่บ้านรับรู้ถึงความคิดเห็นของผมก็ขัดขวาง บอกว่าผมเพิ่งเรียนจบยังไม่มีงานทำมั่นคงก็คิดจะแต่งงานแล้ว แม่ถึงขนาดบอกว่าหยาเป็นคนดีจริงหรือไม่ก็ยังไม่แน่ใจ ถ้าแต่งงานกันไปแล้วมีปัญหาจะทำยังไง เด็กผู้หญิงในมหาลัยกับเวลาออกมาสู่โลกที่แท้จริงไม่เหมือนกัน
สุดท้ายผมก็รับประกันกับพ่อแม่ว่า เราสองคนแต่งงานกันแล้วจะสู้ไปด้วยกัน พวกเราไม่เร่งรัดเรื่องมีลูก รอให้งานการมั่นคงแล้วค่อยมี พ่อแม่เห็นผมมั่นคงในความคิด สุดท้ายก็เลยยอมให้พวกเราแต่งงานกัน ตอนแต่งงานพ่อกับแม่ผมก็ช่วยดาวน์เรือนหอให้ บอกว่าหลังจากนี้ให้พวกเราสอนคนช่วยกันจ่ายเอง แล้วผมกับหยาก็ได้แต่งงานกัน
หลังแต่งงานได้หนึ่งเดือน พวกเราก็เริ่มหางานทำ หยาได้งานเป็นพนักงานทำเอกสารในบริษัทแห่งหนึ่ง ส่วนผมได้งานเป็นเซลล์ ตอนแรกๆพวกเราก็เริ่มงานเลิกงานตามเวลา กินข้าวด้วยกัน แต่ต่อมาหลังจากหยาเปลี่ยนงาน เธอก็ทำโอทีบ่อยขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งถึงกับไม่กลับบ้าน ทุกครั้งเวลาถามว่างานยุ่งอะไร ทำไมตอนกลางคืนแม้แต่บ้านก็ไม่กลับ เธอก็จะบอกเหตุผลว่าเป็นเรื่องงาน ผมก็เลยไม่ถามอะไรต่อ เพราะภรรยา ก็ยังรับผิดชอบต่อครอบครัวเป็นอย่างดี ผมไม่เคยผิดหวังเลยที่มีภรรยาคนนี้ นึกถึงตอนที่แม่ผมบอกว่าผู้หญิงเวลาเข้าสังคมแล้วจะเปลี่ยนไป แม่คงพูดผิดไปแล้ว แต่ยิ่งนานวัน ผมก็พบว่างานของหยาเริ่มมาวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวมากเกินไป บางทีเธอก็ไม่กลับบ้านติดๆกันหลายๆวัน ผมรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว ก็เลยไปหาเธอที่บริษัท ไปดูว่าเธอทำอะไรกันแน่
ตกบ่ายผมก็เลยเลิกงานก่อนเวลา เพื่อไปหาภรรยาที่บริษัท ไปดูว่าเธอทำอะไรกันแน่ ผมรอไปครึ่งชั่วโมง ในที่สุดเธอก็ออกมา แต่เธอไม่ได้เดินออกมาคนเดียว มีผู้ชายอีกคนนึงเดินออกมาด้วยกัน คุยกันหัวเราะคิกคัก ผมเดินเข้าไปทักทาย พอภรรยาเห็นหน้าผมก็หน้าเปลี่ยนสีทันที รีบแนะนำกับผมว่านี่เป็นเจ้านายของเธอ ผู้ชายคนนั้นก็ทักทายอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็ขับรถออกไป
ตกค่ำกลับถึงบ้าน ผมถามภรรยาว่าเธอกับผู้ชายคนนี้เป็นอะไรกันเธอ เธอทำเสียงหงุดหงิดตอบผมว่า "ก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรอว่าเขาเป็นเจ้านาย" จากนั้นก็บอกว่าเธอเหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อน
นับตั้งแต่นั้นมา ผมก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ ก็เลยแอบสะกดรอยตามไปดูว่าหลังจากภรรยาเลิกงานแล้วเธอไปไหนกันแน่ แล้วในที่สุดวันนึงผมก็เห็นเธอขึ้นรถเจ้านายไปหลังเลิกงาน จากนั้นรถก็ไปจอดหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง แล้วสองคนก็เดินคุยกันกระหนุงกระหนิงเข้าโรงแรมไปด้วยกัน
เห็นแบบนั้นผมไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง เย็นนั้นผมยืนอยู่หน้าโรงแรม โทรบอกขอเลิกกับภรรยา เธอถามผมว่าแน่ใจแล้วหรอว่าจะหย่า ผมตอบกลับไปว่าพรุ่งนี้เจอกันที่เขต แล้วผมกับภรรยาก็แยกทางกัน ผมรู้สึกเสียใจที่ตอนนั้นไม่ฟังคำเตือนของพ่อแม่ หลังหย่าผมก็เปลี่ยนงานใหม่ ตัดสินใจเริ่มต้นใหม่ หลังเลิกกันได้ 3 เดือน ภรรยาเก่าก็โทรมาหาผมบอกว่าเธอตั้งท้องลูกของผม ต้องการกลับมาคืนดี ผมโกรธก็เลยย้อนกลับไป : เธอรู้ได้ยังไงว่านั่นลูกเรา เธอกับเจ้านายเธอทำอะไรกันมั่งคิดว่าเราไม่รู้หรือยังไง
ปรากฏว่าภรรยาเก่าก็บอกว่า : กับเขาเขาใส่ถุงตลอด ถ้าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกเธอจะเป็นลูกใคร ผมก็เลยตอบเธอกลับไปว่า : งั้นเธอก็ไปเอาเด็กออกเหอะ พวกเราหย่ากันแล้ว พูดจบก็วางหูทันทีพวกคุณว่า เจอกับผู้หญิงแบบนี้ ผมทำถูกต้องมั้ย? เด็กผู้หญิงที่เรียนจบแล้วออกมาทำงานจะเปลี่ยนไปจริงๆหรอ?
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
