เพื่อนน้องมินเปิดปาก สารภาพรับเข้าผับเป็นลมหามส่งรพ

จากกรณี "น.ส.รภีภรณ์ นาสอ้าน" อายุ 25 ปี หรือ "น้องมิน" บัณฑิตมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ชาว จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเกิดป่วยหนักระหว่างเดินทางท่องเที่ยวและดูลู่ทางทำงานในประเทศเกาหลีใต้ ต้องรักษาตัวอยู่ในรพ.เกาหลี มีค่ารักษาพยาบาลสูงกว่า 1.2 ล้านบาท กระทั่งวันที่ 31 มี.ค. น้องมินฟื้นจากอาการหลับไหลและรู้สึกตัว ญาติพี่น้องต่างพากันเข้าไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเข้ากราบขอบคุณ "นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป" ผวจ.กาฬสินธุ์ ที่ให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

แต่กระแสของเรื่องนี้นี้ยังคงได้นับความสนใจบนโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ดูเหมือนกระแสจะตีกลับไม่น้อย โดยมีคนออกมาโจมตี และออกมาแฉว่าน้องมินเที่ยวผับเมาบ่อยครั้ง ทั้งยังเรียนมหาวิทยาลัยเอกชน จึงเป็นที่สงสัยต่อยอดเงินบริจาคช่วยเหลือ

ล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 2 เม.ย. ในโซเชียลได้มีการแชร์ข้อความของผู้ใช้รายหนึ่งที่อ้างว่าเป็นเพื่อนรายหนึ่งของ "น้องมิน" และได้โพสต์ข้อความอ้างว่าว่า

ตนในฐานะเพื่อนทนดูเพื่อนที่นอนไม่ได้สติ ถูกพูดถึงในทางที่ผิดบ้างถูกบ้างไม่ได้ ทั้งกรณีมีเงินเรียนมหาวิทยาลัยเอกชน มีเงินไปเที่ยวต่างประเทศ หรือแม้แต่ไม่ซื้อประกันการเดินทาง และไปเที่ยวผับเมาจนช็อก จึงขอชี้แจงว่า กรณีเรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชนนั้น ไม่ได้วัดอะไรได้ทั้งหมด มินอยากเรียนบัญชี แม้ที่บ้านจะฐานะปานกลาง มีน้อยมีมากแล้วแต่เศรษฐกิจ หรือหากมีไม่พอ ลุงป้าน้าอาก็จะหยิบยื่นให้บาง โดยก่อนหน้านี้เมื่อประมาณชั้นปีที่ 2 มินเคยป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ต้องให้คีโม ซึ่งพ่อแม่เงินก็ไม่ค่อยมีเงินแทบสิ้นหวัง คำที่มินบอกกับพ่อแม่คือ "ต่อให้หนูตาย ขอให้หนูได้เรียน ขอให้หนูจบ" แต่ปัจจุบันหายแล้ว...

"คุณลองคิดดูว่าคนเป็นพ่อแม่ เห็นลูกในสภาพนั้น คงต้องดิ้นรนหาเงินมาให้ลูกเรียนจนได้ สรุปคือไม่ว่าจะจบเอกชน หรือรัฐบาล มันไม่ได้การันตีฐานะทางบ้านหรือระดับจิตใจได้เลย ส่วนมีเงินไปเที่ยวต่างประเทศ ทำไมยังมีหน้ามาขอเงินไปรักษาตัว การไปเที่ยวต่างประเทศสำหรับเด็กจบใหม่อย่างพวกเรา บางคนอาจจะต้องใช้เงินเก็บทั้งหมด เพื่อไปเปิดประสบการณ์เลยก็ได้ค่ะ การไปเที่ยวใช้เงินไม่เยอะหรอกค่ะ ยิ่งประเทศที่เราอยากไป เงินที่เหลือจากการไปเที่ยวเราคงไม่ได้นึกไปถึงว่า เราต้องเก็บเงินไว้อีกเป็นแสนๆ เพื่อค่ารักษาพยาบาลตัวเรา แต่ก็เพราะความประมาทของพวกเราเอง ที่ไม่ซื้อประกันการเดินทาง"