สาวแชร์ประสบการณ์ เกือบตายเพราะกินกาแฟ
จนมีพี่แท็กซี่คันหนึ่งมาจอดเทียบข้างๆแล้วเปิดกระจกถามว่าน้องเป็นอะไร ไบร์ทร้องไห้แล้วพูดได้แต่คำว่า 'พี่ช่วยหนูด้วย หนูไม่ไหวแล้ว' จากนั้นพี่แท็กซี่ไปจอดรถข้างหน้ารถเรา แล้วเดินมาหาเรา ถามเราว่า อาการมันเป็นยังไง มีใครรู้ยัง เราเลยให้พี่เขาช่วยโทรหาคนในครอบครัวให้ ปรากฎว่าไม่มีใครรับสายสักคน ตอนนั้นคือเคว้งมาก ถ้าตายคงไม่มีใครรู้ เราก็เลยคิดในใจชั่งมัน ขอให้ถึง รพ ก่อน ข้างหน้ามีปั๊มน้ำมัน พี่แท็กซี่บอกว่า ขับรถไปจอดปั๊มไหวไหม เราก็บอกไม่ไหวแล้วพี่ พี่แท็กซี่เลยเอารถตัวเองไปจอดในปั๊มน้ำมันแทน แล้ววิ่งกลับมาหาเรา เราให้พี่แท็กซี่ขับรถเราพาเราไป รพ. ขณะนั่งรถมือมันเริ่มคลาย พอจะกดโทรศัพท์ได้เลยกดโทรหาแม่แฟน โชคยังดีที่รับสาย เราเลยให้แม่แฟนช่วยพยายามโทรหาแม่เราให้หน่อย ตอนนั้นเราให้พี่แท็กซี่ถือโทรศัพท์เราเลย ให้รับสายโทรศัพท์เราให้หน่อยเผื่อมีใครโทรมา
จนถึง รพ. หมอใส่เครื่องช่วยหายใจให้เรา เพราะเราหอบมาก แล้วก็ฉีดยาไปอีก 1 เข็ม พี่แท็กซี่นั่งรอเราอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน พยาบาลเลยถามว่าคนที่มากับน้องคือใคร เขานั่งรออยู่ ให้เข้ามาเลยไหม เราให้เขาเข้ามา เขาก็ถามเราว่าเป็นยังไงดีขึ้นยัง แล้วรถพี่จอดไว้ให้ข้างหน้านะ ถามพยาบาลดูว่าอยู่ตรงไหน ถ้าดีขึ้นแล้วพี่กลับแล้วนะ เราจะให้เงินเขาค่าเสียเวลา เขาก็ไม่รับ พูดแต่ไม่เป็นไร เราเลยได้แต่ยกมือไหว้ขอบคุณ แล้วเราก็ลืมขอเบอร์โทรเขาไว้ เราไม่รู้จะตอบแทนพี่เขายังไง
ถ้าไม่ได้พี่เขา เราคงแย่มากแน่ๆ ถ้าเป็นไปได้ช่วยไบร์ทแชร์หาพี่แท็กซี่คนนั้นหน่อยได้ไหม ไบร์ทอยากเจอพี่เขาอีกครั้ง ความดีของพี่แท็กซี่ครั้งนี้ไบร์ทจะส่งต่อความดีแบบนี้ให้คนอื่นเช่นกัน วันนี้เข้าใจแล้วว่าคนร้องขอชีวิตแล้วได้รับการช่วยเหลือมันรู้สึกยังไง ขอบคุณนะคะพี่แท็กซี่สีส้มที่จำเลขทะเบียนไม่ได้"