เปิด 6 ปัจจัย โควิด-19 ในไทยระบาดสาหัสจนคุมไม่ได้
หากเราติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด คงพอวิเคราะห์ได้ว่า การระบาดของไทยที่หนักหนาสาหัส คุมไม่ได้ และทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องนั้น อาจมาจากปัจจัยหลัก ดังนี้
สอง การวางแผนนโยบายวัคซีนและการดำเนินงานแต่ละขั้นตอนมีปัญหา ตั้งแต่การประเมินสถานการณ์ระบาด การเลือกวัคซีน การจัดซื้อจัดหา และการกระจายวัคซีนนั้น ไม่สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์การระบาดจริงได้ทัน ทั้งระลอกสองและสามที่รุนแรงและการกลายพันธุ์ของวัคซีน ทำให้เกิดปัญหาทั้งเชิงปริมาณวัคซีน และประสิทธิภาพของวัคซีน
สาม ระบบการตรวจคัดกรองโรคไม่เพียงพอ ไม่ครอบคลุม และยากต่อการเข้าถึงบริการ ทำให้ไม่สามารถรองรับความต้องการในยามระบาดหนักได้ สะท้อนถึงปัญหาในการวางแผนนโยบายจัดการโรคระบาดเช่นกัน
สี่ ทรัพยากรในระบบสาธารณสุขที่ใช้ในการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อนั้นไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถรองรับปริมาณผู้ติดเชื้อยามระบาดหนักได้ เกิดภาวะเตียงล้นในพื้นที่ระบาดหนัก คนรอเตียงจนเสียชีวิตที่บ้าน จนเป็นเหตุให้นำไปสู่การไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้ทำ home isolation
และสุดท้ายคือ นโยบายอื่นที่ส่งผลต่อความเสี่ยงในการระบาดมากขึ้น เช่น นโยบายเปิดประเทศ และการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดในประเทศที่ยังรุนแรงและคุมไม่ได้
เหล่านี้คือ ปัจจัยหลักที่ทางศบค.ควรนำมาพิจารณาทบทวน และหาทางปรับเปลี่ยน ทั้งเรื่องกลไกสร้างนโยบาย กลไกการขับเคลื่อน และการจัดหาและจัดสรรทรัพยากรที่จำเป็นในระบบ เชื่อว่าหากเรามองภาพจริง และช่วยกันปรับเปลี่ยนแก้ไข ใช้ความรู้ที่ถูกต้อง สถานการณ์การระบาดของเราจะดีขึ้นได้
เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ ทำในสิ่งที่ควรทำ สำหรับประชาชนอย่างพวกเราทุกคน ขอให้ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด ใส่หน้ากากนะครับ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า เราต้องอยู่รอดปลอดภัยไปด้วยกัน ด้วยรักและห่วงใย
ต่อมาได้เผยอีกว่า "ถ้ายังปล่อยให้ตรวจคัดกรองกันแบบจำกัดจำเขี่ยแบบนี้ วิกฤติใหญ่จะตามมาในไม่ช้า เตือนด้วยความห่วงใย เลิกนโยบายที่ผิดทิศผิดทางเถิดครับ ก่อนจะหายนะ"